คณะกรรมาธิการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีนเผยผ่านทางเว็บไซต์ว่า จีนได้ปรับขึ้นราคาเชื้อเพลิงขึ้นสูงสุด 8% ในวันนี้ หลังจากที่ได้ขึ้นราคาเชื้อเพลิง 5% ไปเมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมาให้สอดคล้องกับทิศทางของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ส่งผลให้โรงกลั่นน้ำมันในประเทศเรียกเก็บค่าน้ำมันจากผู้ค้าปลีกน้ำมันเบนซินและดีเซลเพิ่มขึ้น 400 หยวน/เมตริกตัน
บริษัทไชน่า ปิโตรเลียม แอนด์ เคมิคอล คอร์ป (ชิโนเปค) บริษัทน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลกกล่าวว่า บริษัทจะมีค่าใช้จ่ายในการแปรรูปน้ำมันเป็นเชื้อเพลิงซึ่งมีราคาสูงกว่า 60 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยเมื่อวันที่ 29 พ.ค.ที่ผ่านมา ราคาน้ำมันดิบไต่ขึ้นเหนือระดับ 66 ดอลลาร์/บาร์เรลปิดระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน
นักวิเคราะห์จากไชน่า เมอร์ชอง ซิเคียวริตี้กล่าวว่า การพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันถือเป็นข่าวดีสำหรับชิโนเปค โดยก่อนหน้านี้ราคาน้ำมันเบนซินในก่อนหน้านี้ที่โรงกลั่นเรียกเก็บอยู่ที่ 5,730 หยวน ขณะที่ราคาน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 4,990 หยวน
ทั้งนี้ น้ำมันเบนซินและดีเซลต่างถูกนำไปใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับรถบรรทุก รถยนต และรถขนาดเล็กในจีน ขณะที่รัฐบาลควบคุมราคาน้ำมันภายใต้กลไกของตลาดในเดือนธ.ค.ผ่านการพิจารณาถึงราคาต้นทุนน้ำมันดิบ ภาษีและผลกำไรของโรงกลั่น
"การปรับขึ้นราคาน้ำมันครั้งนี้นับเป็นการตัดสินใจที่ยากลำบากของรัฐบาล" พร้อมทั้งเสริมว่าขณะที่เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายต้องการตรึงราคาน้ำมันภายในประเทศให้สอดคล้องกับราคาน้ำมันในตลาดโลก รัฐบาลก็มีความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นซึ่งจะส่งผลต่อเศรษฐกิจ
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ผลกำไรของชิโนเปคลดลง 47% เมื่อปีที่ผ่านมาก่อนที่จะมีการปรับราคาน้ำมัน เนื่องจากบริษัทไม่สามารถผลักภาระต้นทุนน้ำมันที่สูงขึ้นให้กับลูกค้าได้ ขณะที่มูลค่าหุ้นของชิโนเปคตกลง 23% ในปีที่ผ่านมา เช่นเดียวกับดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตที่ปรับตัวลดลง