ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นเป็นวันที่ 2 ติดต่อกันสู่ระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือน หลังสต็อกน้ำมันดิบในสหรัฐลดลงและเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง
ราคาน้ำมันดิบทะยานเกือบแตะ 71 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังสถาบันปิโตรเลียมแห่งอเมริกาเผยว่าสต็อกน้ำมันดิบลดลง 5.96 ล้านบาร์เรล เหลือ 357.9 ล้านบาร์เรลเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. ในขณะเดียวกันเงินดอลลาร์ก็อาจอ่อนค่าลงเมื่อเทียบเงินยูโร หลังมีกระแสคาดการณ์ว่าภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยได้สิ้นสุดลงแล้ว
"ตอนนี้ตัวเลขของสถาบันปิโตรเลียมแห่งอเมริกาเป็นปัจจัยเดียวที่ทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น แต่ทางที่ดีเราต้องรอดูตัวเลขของกระทรวงพลังงานด้วย" เคน ฮาเซกาว่า จากบริษัทโบรกเกอร์ นิวเอจ กล่าว
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบส่งมอบเดือนก.ค.ทะยาน 93 เซนต์ หรือ 1.3% แตะ 70.94 ดอลลาร์/บาร์เรล ในตลาดนิวยอร์ก และซื้อขายที่ระดับ 70.76 ดอลลาร์/บาร์เรล ณ เวลา 10.12 น.ตามเวลาสิงคโปร์ ส่วนเมื่อวานนี้สัญญาดังกล่าวพุ่งถึง 1.92 ดอลลาร์ แตะ 70.01 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 4 พ.ย.ปีที่แล้ว
"ตลาดน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นเนื่องจากเงินดอลลาร์อ่อนค่าและมีสภาพคล่องในตลาดมากขึ้น" ไมค์ แซนเดอร์ ที่ปรึกษาด้านการลงทุนจากบริษัท แซนเดอร์ แคปิตอล แอดไวเซอร์ส อิงค์ ในซีแอทเทิล กล่าว "เห็นได้ชัดว่ามีเม็ดเงินไหลเข้าสู่ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์มากขึ้น หลังราคาพืชผล เหล็ก และพลังงานปรับตัวสูงขึ้นอย่างมาก"
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 147.27 ดอลลาร์/บาร์เรล เมื่อวันที่ 11 ก.ค.ปีที่แล้ว ก่อนที่จะร่วงลงเหลือ 32.40 ดอลลาร์/บาร์เรล เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยทำให้การบริโภคน้ำมันลดลง