มาร์ติน ทอดด์ กรรมการบริหารบริษัท แอลเอ็มซี อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งเป็นที่ปรึกษาด้านสินค้าโภคภัณฑ์ กล่าวว่า ราคาน้ำตาลที่พุ่งสูงถึง 85% อาจกระตุ้นให้เกษตรกรทั่วโลกผลิตน้ำตาลมากขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะน้ำตาลล้นตลาดภายใน 2 ปี
"เราได้รับการตอบรับอย่างท่วมท้นจากเกษตรกร และนั่นอาจทำให้ผลผลิตน้ำตาลกลับมาล้นตลาดอีกครั้ง" ทอดด์ กล่าว โดยฤดูเพาะปลูกจะเริ่มขึ้นในช่วงปลายปีนี้และต้นปีหน้า
บลูมเบิร์กรายงานว่า ราคาน้ำตาลทะยานแตะระดับสูงสุดในรอบ 28 ปี หลังจากที่ผลผลิตน้ำตาลจากบราซิล ซึ่งเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ของโลก ลดลงเพราะพื้นที่เพาะปลูกบางส่วนถูกน้ำท่วมจนไม่สามารถเพาะปลูกได้ ในขณะที่ผลผลิตจากอินเดีย ซึ่งเป็นผู้บริโภคน้ำตาลรายใหญ่ของโลก ก็ลดลงเพราะสภาพอากาศที่แห้งแล้งสุดในรอบ 83 ปี
อย่างไรก็ตาม องค์กรน้ำตาลสากลคาดการณ์ว่า ความต้องการน้ำตาลทั่วโลกอาจมีมากกว่าน้ำตาลที่ผลิตได้ถึง 5 ล้านเมตริกตันในปีงบการเงิน 2552-2553 หลังจากที่ความต้องการน้ำตาลทั่วโลกมีมากกว่าน้ำตาลที่ผลิตได้ถึง 7.8 ล้านตันในปีงบการเงินปัจจุบัน
จอห์น รีด ผู้อำนวยการฝ่ายสินค้าโภคภัณฑ์ของสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด แบงค์ ในสิงคโปร์ กล่าวว่า ราคาน้ำตาลมีแนวโน้มลดลงในช่วงต้นปีหน้า เนื่องจากทุกครั้งที่ราคาน้ำตาลสูงเกิน 15 เซนต์/ปอนด์ สัญญาน้ำตาลก็จะถูกเทขายครั้งใหญ่ภายใน 18 เดือน
ทั้งนี้ ราคาน้ำตาลอยู่เหนือระดับ 15 เซนต์/ปอนด์มาตั้งแต่ต้นเดือนมิ.ย. และพุ่งแตะระดับสูงสุดที่ 23.33 เซนต์/ปอนด์ เมื่อวันที่ 12 ส.ค.ที่ผ่านมา แต่สัญญาน้ำตาลส่งมอบอีก 2 ปีข้างหน้ามีราคาถูกกว่าราว 6 เซนต์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าราคาน้ำตาลจะลดลงในอนาคต