สมาคมผู้ค้าฝ้ายระหว่างประเทศเปิดเผยว่า อุตสาหกรรมฝ้ายทั่วโลกเผชิญกับความท้าทายอันใหญ่หลวง เนื่องจากบริษัทค้าฝ้ายหลายแห่งปิดกิจการ ส่งผลให้บริษัท หลุยส์ เดรย์ฟัส แอนด์ ซี, บริษัท โอแลม อินเตอร์เนชันแนล, บริษัท โนเบิ้ล กรุ๊ป ควบคุมการค้าเส้นใยฝ้ายทั่วโลกกว่าครึ่งหนึ่ง
บริษัท พอล รีนฮาร์ท ในรัฐเท็กซัสประสบภาวะล้มละลายเมื่อปีที่แล้ว ขณะที่บริษัท เวล บราเธอร์ส แอนด์ สเติร์น วางแผนที่จะปิดกิจการในปีหน้า และบริษัท ดันนาแวนท์ เอนเตอร์ไพรซ์ ในรัฐเทนเนสซี วางแผนควบรวมกิจการกับบริษัท อัลเลนเบิร์ก คอตตอน หลังจากราคาฝ้ายในตลาดโลกทรุดตัวลงอย่างหนัก จนเป็นเหตุให้คณะกรรมการกำกับดูแลการค้าสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดล่วงหน้าของสหรัฐ (CFTC) ยื่นมือตรวจสอบ
"นี่เป็นปัญหาใหญ่ที่สุดในรอบ 40 ปีที่อุตสาหกรรมฝ้ายกำลังเผชิญ ปัญหาที่ว่าคือการผูกขาดเพราะมีผู้เข้ามาลงทุนเพียงไม่กี่รายในอุตสาหกรรม ในเดือนมี.ค.ปีที่แล้วมีการตัดราคาฝ้ายกันอย่างดุเดือดระหว่างบริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีอิทธิพลในตลาด ทำให้ตลาดในทุกวันนี้ผันผวนมาก ดังนั้นการสร้างเสถียรภาพในตลาดฝ้ายจึงเป็นเป้าหมายแรกของเรา" นายคลิฟ ไวท์ ว่าที่ประธานสมาคมผู้ค้าฝ่ายระหว่างประเทศกล่าวกับผู้สื่อข่าวที่เมืองลิเวอร์พูล ประเทศอังกฤษ
นายไวท์กล่าวว่า ดีมานด์ฝ้ายทั่วโลกในปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 105 ล้านมัด/ปี (แต่ละมัดมีน้ำหนัก 480 ปอนด์ หรือ 218 กิโลกรัม) โดยจีนยังคงเป็นผู้ใช้และผู้ผลิตใยฝ้ายรายใหญ่สุด บลูมเบิร์กรายงาน