สมาคมเหล็กและเหล็กกล้าของญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ผลผลิตเหล็กเดือนตุลาคมปรับตัวลดลงเมื่อเทียบเป็นรายปี แต่ขยายตัวมากขึ้นเมื่อเทียบเป็นรายเดือน
โดยผลผลิตเหล็กปรับตัวลดลง 12.9% เหลือ 8.8 ล้านตันในเดือนตุลาคมเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งถือว่าหดตัวเป็นเดือนที่ 13 ติดต่อกัน แต่อัตราการหดตัวก็ชะลอตัวลงเป็นเดือนที่ 7 ติดต่อกัน หลังจากที่ร่วงหนักถึง 46.7% ในเดือนมีนาคม
นอกจากนั้นผลผลิตเดือนตุลาคมยังเพิ่มขึ้น 6.4% เมื่อเทียบกับเดือนกันยายน ซึ่งถือว่าเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 2 เดือน
แนวโน้มที่ดีขึ้นดังกล่าวเป็นผลมาจากการที่ญี่ปุ่นส่งออกเหล็กไปยังประเทศอื่นๆในเอเชีย ซึ่งรวมถึงจีนมากขึ้น เนื่องจากจีนใช้งานเหล็กมากขึ้น ขณะเดียวกันผู้ผลิตยานยนต์ในญี่ปุ่นเองก็ซื้อเหล็กมากขึ้น เนื่องจากมาตรการลดภาษีให้กับผู้ซื้อรถที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมทำให้ยอดขายรถเพิ่มขึ้น
เจ้าหน้าที่จากสมาคมเหล็กและเหล็กกล้ากล่าวว่า ผลผลิตเหล็กดิบในญี่ปุ่นจะฟื้นตัวในอัตราปกติ ส่วนดีมานด์เหล็กในประเทศไม่นับรวมดีมานด์จากบริษัทผลิตยานยนต์น่าจะยังคงซบเซา
ทั้งนี้ ญี่ปุ่นกำลังวิตกว่าซัพพลายเหล็กจะมีมากเกินไป เนื่องจากผู้ผลิตเหล็กทั้งในจีนและเกาหลีใต้ต่างวางแผนเพิ่มกำลังการผลิตในปีหน้า สำนักข่าวเกียวโดรายงาน