ผู้เชี่ยวชาญของจีนมั่นใจ การเกิดน้ำท่วมอย่างต่อเนื่องในประเทศ รวมถึงการที่ราคาข้าวสาลีโลกพุ่งสูงเนื่องจากรัสเซียระงับการส่งออกข้าวสาลีหลังเกิดภัยแล้งในประเทศ จะไม่ส่งผลกระทบมากนักต่ออุปทานธัญพืชในประเทศในช่วงเวลาที่เหลือของปี เนื่องจากจีนมีปริมาณธัญพืชสำรองจำนวนมาก ขณะเดียวกันรัฐบาลก็มีมาตรการรักษาเสถียรภาพของราคาอาหาร
ศจ.จาง เจิงเหอ จากมหาวิทยาลัยเกษตรจีน กล่าวว่า อุปทานธัญพืชของจีนจะไม่ได้รับผลกระทบมากนักจากภัยแล้งในรัสเซีย และอุทกภัยในพื้นที่เพาะปลูกบางแห่งของจีน
"โดยปกติจีนก็ผลิตธัญพืชเพียงพอต่อความต้องการในประเทศอยู่แล้ว และธัญพืชที่นำเข้าก็มีสัดส่วนเพียง 5% ของธัญพืชทั้งหมดที่บริโภคในประเทศต่อปี " ศจ.จาง กล่าวนอกรอบงานอาหารและการเกษตรแห่งชาติครั้งที่ 9 ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองฉางชุน
เมื่อวันที่ 5 สิงหาคมที่ผ่านมา รัสเซียประกาศห้ามส่งออกข้าวสาลีเป็นการชั่วคราว เนื่องจากเกิดภาวะแห้งแล้งหนักในประเทศ ส่งผลให้ราคาข้าวสาลีโลกพุ่งสูง อย่างไรก็ตาม กระทรวงเกษตรจีนเผยว่าจีนนำเข้าข้าวสาลีเพียง 845,000 ตันในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ จากที่บริโภคทั้งหมด 110 ล้านตันต่อปี ซึ่งถือว่านำเข้าน้อยมาก
"ผมไม่คิดว่าการที่รัสเซียระงับการส่งออกข้าวสาลีจะส่งผลให้ราคาข้าวสาลีในจีนปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากจีนผลิตข้าวสาลีได้เองเป็นจำนวนมาก นอกจากนั้นยังสามารถนำเข้าข้าวสาลีจากแหล่งอื่นได้ โดยนอกจากรัสเซียแล้ว จีนยังนำเข้าข้าวสาลีจากสหรัฐและออสเตรเลียด้วย" หลี่ กัวเซียง นักวิเคราะห์ด้านการเกษตรจากสถาบันสังคมศาสตร์จีน (Chinese Academy of Social Sciences) กล่าว
ในช่วงฤดูร้อนนี้เกิดภัยธรรมชาติในจีนอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นเหตุโคลนถล่มในมณฑลกานซู รวมถึงอุทกภัยในมณฑลจี๋หลินซึ่งเป็นพื้นที่ปลูกธัญพืชหลักของประเทศ ส่งผลให้พื้นที่เพาะปลูก 1.25 ล้านเฮคตาร์ได้รับความเสียหาย คิดเป็นมูลค่ากว่า 4.5 หมื่นล้านหยวน (6.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ)
"แม้ผลผลิตธัญพืชในฤดูร้อนปีนี้จะลดลง แต่จีนมีผลผลิตอุดมสมบูรณ์ตลอด 6 ปีจนถึงปีที่แล้ว ดังนั้นปริมาณธัญพืชสำรองจึงยังมีอีกมาก" ศจ.จาง กล่าว
ด้านนายจี๋ เจี้ยนผิง รองผู้จัดการบริษัท ต้าเฉิง กรุ๊ป (Dacheng Group) บริษัทแปรรูปข้าวโพดรายใหญ่ที่สุดในเอเชีย กล่าวว่า เขาไม่กังวลเรื่องอุปทานข้าวโพด เนื่องจากจีนยังมีปริมาณธัณพืชสำรองมากพอ
ขณะเดียวกันรัฐบาลจีนกำลังพยายามควบคุมราคาผลิตภัณฑ์การเกษตรที่ปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงปราบปรามนักเก็งกำไรในตลาดซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ราคาผลิตภัณฑ์การเกษตรอย่างกระเทียมและถั่วเขียวพุ่งสูง
เมื่อวันพุธที่ผ่านมารัฐบาลกลางสั่งการให้มีการกระจายผลิตภัณฑ์ผักด้วยการให้ความช่วยเหลือด้านการเงินและการขนส่ง เพื่อยุติวิกฤตอาหารที่ทวีความรุนแรงขึ้นในเมืองใหญ่หลายแห่ง นอกจากนั้นยังสั่งการให้รัฐบาลท้องถิ่นขยายฟาร์มปลูกผักบริเวณชานเมือง พร้อมทั้งสำรองผักให้เพียงพอต่อความต้องการในระยะเวลา 5-7 วันสำหรับเมืองใหญ่อย่างปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้
"การเคลื่อนไหวของรัฐบาลกลางจะช่วยให้ราคาอาหารมีเสถียรภาพมากขึ้น และบรรเทาความวิตกเรื่องอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น" ศจ.จาง กล่าว
ทั้งนี้ ราคาอาหารที่สูงขึ้นหลังเกิดอุทกภัยหลายครั้ง ส่งผลให้ดัชนีราคาผู้บริโภคซึ่งเป็นตัวชี้วัดอัตราเงินเฟ้อ ปรับตัวสูงขึ้นแตะ 3.3% เมื่อเทียบเป็นรายปีในเดือนกรกฎาคม ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคมปี 2551 และทะลุเป้าของทั้งปีซึ่งรัฐบาลกำหนดไว้ที่ 3% สำนักข่าวซินหัวรายงาน