ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดทรุดตัวลงกว่า 600 จุด หลุดแนว 40,000 จุดในวันนี้ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย หลังเศรษฐกิจสหรัฐหดตัวในไตรมาส 1/2568
ณ เวลา 21.05 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 39,843.77 จุด ลบ 683.85 จุด หรือ 1.69%
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ กล่าวโทษอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดนว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้เศรษฐกิจสหรัฐหดตัวในไตรมาส 1/2568
นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ยังได้ปกป้องมาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรของเขา และเรียกร้องให้ชาวอเมริกันอดทนต่อไปอีกสักพัก ก่อนที่เศรษฐกิจสหรัฐจะรุ่งเรือง
"นี่เป็นตลาดหุ้นของไบเดน ไม่ใช่ของทรัมป์ เพราะผมยังไม่ได้เข้ารับตำแหน่งจนกว่าวันที่ 20 ม.ค."
"การเรียกเก็บภาษีศุลกากรจะเริ่มขึ้นในไม่ช้า และบริษัทจำนวนมากจะเริ่มโยกย้ายเข้าสู่สหรัฐ ประเทศของเราจะรุ่งเรืองขึ้น แต่เราจำเป็นต้องกำจัดสิ่งตกค้างที่มาจากไบเดน"
"เรื่องนี้ต้องใช้เวลา และไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับการเรียกเก็บภาษีศุลกากร เพียงแต่ไบเดนได้ทิ้งตัวเลขเศรษฐกิจที่แย่ ๆ ให้เรา แต่เมื่อเศรษฐกิจเริ่มรุ่งเรืองขึ้น สหรัฐจะไม่เหมือนประเทศอื่น ขอให้อดทนเข้าไว้!!!" ปธน.ทรัมป์โพสต์ข้อความใน Truth Social
ปธน.ทรัมป์ระบุดังกล่าว หลังจากที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 สำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 1/2568 ในวันนี้ โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐหดตัว -0.3% ในไตรมาสดังกล่าว สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าขยายตัว +0.2% หลังจากขยายตัว +2.4% ในไตรมาส 4/2567
ก่อนหน้านี้ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตา เปิดเผยว่า แบบจำลองคาดการณ์ GDPNow ล่าสุดแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐหดตัว -2.7% ในไตรมาส 1/2568
ทั้งนี้ ตัวเลข GDP ในไตรมาส 1/2568 ได้รับผลกระทบจากการนำเข้าที่พุ่งขึ้น 41% ขณะที่บริษัทต่าง ๆ พากันเร่งนำเข้าสินค้าก่อนที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะประกาศการเรียกเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ครั้งใหญ่ต่อประเทศคู่ค้าในวันที่ 2 เม.ย.
เศรษฐกิจสหรัฐที่หดตัวในไตรมาส 1/2568 สร้างความกังวลเกี่ยวกับการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐจากมาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
ทั้งนี้ ในปี 2567 เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 1.4% ในไตรมาส 1, 3.0% ในไตรมาส 2, 3.1% ในไตรมาส 3 และ 2.4% ในไตรมาส 4
ขณะเดียวกัน กระทรวงพาณิชย์เปิดเผยว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลพื้นฐาน (Core PCE) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 3.5% ในไตรมาส 1/2568 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.1% หลังจากปรับตัวขึ้น 2.6% ในไตรมาส 4/2567
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการที่ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้นเพียง 62,000 ตำแหน่งในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.2567 และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 120,000 ตำแหน่ง หลังจากเพิ่มขึ้น 147,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค.
ทั้งนี้ ภาคเอกชนชะลอการจ้างงานในเดือนเม.ย. ท่ามกลางความไม่แน่นอนของการเรียกเก็บภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และผลกระทบจากมาตรการดังกล่าวที่จะมีต่อแผนการจ้างงานและเศรษฐกิจสหรัฐ