ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันพฤหัสบดี (1 พ.ค.) โดยดาวโจนส์ และ S&P500 ปิดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 8 ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดพุ่งขึ้นกว่า 1.5% ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาดของบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่อย่างไมโครซอฟท์ (Microsoft) และเมตา แพลตฟอร์มส์ (Meta Platforms)
ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 40,752.96 จุด เพิ่มขึ้น 83.60 จุด หรือ +0.21%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,604.14 จุด เพิ่มขึ้น 35.08 จุด หรือ +0.63% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,710.74 จุด เพิ่มขึ้น 264.40 จุด หรือ +1.52%
หุ้น 7 ใน 11 กลุ่มในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มบริการด้านการสื่อสาร พุ่งขึ้น 2.21% และ 1.55% ตามลำดับ ส่วนหุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ปรับตัวลงมากที่สุด โดยร่วงลง 2.79% ตามด้วยหุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคปรับตัวลง 0.78%
ไมโครซอฟท์เปิดเผยกำไรและรายได้ที่สูงเกินคาดในไตรมาส 3 ของปีงบการเงิน 2568 ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 31 มี.ค. โดยได้แรงหนุนจากความแข็งแกร่งของธุรกิจ Azure ซึ่งเป็นธุรกิจคลาวด์ นอกจากนี้ ไมโครซอฟท์ยังได้ปรับเพิ่มคาดการณ์รายได้จากธุรกิจ Azure ในไตรมาส 4 ของปีงบการเงิน 2568
หุ้นไมโครซอฟท์พุ่งขึ้น 7.6% ปิดที่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่ง และเป็นปัจจัยหนุนมูลค่าตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) ของไมโครซอฟท์พุ่งขึ้นแซงหน้าบริษัทแอปเปิ้ล (Apple) ในระหว่างวัน
หุ้นเมตา แพลตฟอร์มส์ พุ่งขึ้น 4.2% และปิดที่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 2 เม.ย. หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรและรายได้ที่สูงเกินคาดในไตรมาส 1/2568 นอกจากนี้ เมตายังเปิดเผยตัวเลขคาดการณ์รายได้ในไตรมาส 2/2568 ที่สูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ พร้อมประกาศเพิ่มการใช้จ่ายด้านทุน (CapEx) ในปีนี้ เพื่อเร่งสร้างศูนย์ข้อมูลรองรับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI)
ผลประกอบการที่แข็งแกร่งของเมตาและไมโครซอฟท์ช่วยบรรเทาความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจและสภาวะการทำธุรกิจที่เผชิญกับความไม่แน่นอน อันเนื่องมาจากมาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ และสงครามการค้ากับจีนที่ทวีความรุนแรง
ขณะที่หุ้นใหญ่อื่น ๆ ในกลุ่มเทคโนโลยีก็ได้แรงหนุนจากความแข็งแกร่งของเมตาและไมโครซอฟท์ โดยหุ้นอินวิเดีย (Nvidia) พุ่งขึ้น 2.47% หุ้นอัลฟาเบท (Alphabet) ดีดตัวขึ้น 1.2% หุ้นแอมะซอน (Amazon) พุ่งขึ้น 3.1% ส่วนหุ้นแอปเปิ้ลผันผวนตลอดทั้งวัน ก่อนที่จะปิดตลาดขยับขึ้นเพียง 0.4% หลังจากผู้พิพากษาของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ตัดสินว่าบริษัทแอปเปิ้ลละเมิดคำสั่งศาลเกี่ยวกับ App Store
หุ้นแมคโดนัลด์ (McDonald's) ร่วงลง 1.9% และส่งผลให้ดัชนีดาวโจนส์ลดช่วงบวก หลังจากบริษํทเปิดเผยยอดขายทั่วโลกลดลงในไตรมาส 1/2568 ขณะที่หุ้นควอลคอมม์ ดิ่งลง 8.9% หลังจากบริษัทคาดการณ์ว่ารายได้จะได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า
นักลงทุนจับตารายงานผลประกอบการของบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ โดยแอมะซอนและแอปเปิ้ลจะเปิดเผยผลประกอบการหลังจากตลาดปิดทำการ
นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้นเพียง 129,000 ตำแหน่งในเดือนเม.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น 228,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค. และคาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 4.2% ในเดือนเม.ย.