ตลาดหุ้นลอนดอนปิดแทบไม่เปลี่ยนแปลงในวันอังคาร (6 พ.ค.) ขณะที่นักลงทุนประเมินผลกระทบทางเศรษฐกิจจากความกังวลเรื่องมาตรการภาษีนำเข้า และมุ่งความสนใจไปที่การประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) และธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ในสัปดาห์นี้
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 8,597.42 จุด เพิ่มขึ้น 1.07 จุด หรือ +0.01%
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ได้ประกาศเก็บภาษีนำเข้าภาพยนตร์จากต่างประเทศในอัตรา 100% และในวันจันทร์ เขายังประกาศแผนเก็บภาษียาเพิ่มเติมในช่วงสองสัปดาห์ข้างหน้า ซึ่งสร้างความไม่แน่นอนให้กับตลาดการเงินอย่างมาก
แม้นักลงทุนคาดหวังถึงการผ่อนคลายความตึงเครียดด้านการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน หลังจากจีนระบุว่ากำลังพิจารณาข้อเสนอการเจรจาภาษีจากวอชิงตัน แต่รายละเอียดที่ยังมีอยู่น้อยทำให้ตลาดยังตีความท่าทีของทำเนียบขาวได้ไม่ชัดเจน
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่โลหะมีค่าปรับตัวขึ้นนำกลุ่มต่าง ๆ โดยพุ่งขึ้น 5.5% หลังจากราคาทองคำพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบสองสัปดาห์ โดยหุ้นเอนเดฟเวอร์ ไมนิง (Endeavour Mining) และหุ้นเฟรสนิลโล (Fresnillo) พุ่งขึ้น 5.2% และ 4.7% ตามลำดับ
หุ้นของบริษัทน้ำมันบีพี (BP) ปรับตัวขึ้น 1.4% หลังมีรายงานว่าเชลล์ (Shell) อาจเข้าซื้อกิจการของ BP
หุ้นเดลิเวอรู (Deliveroo) พุ่งขึ้น 1.9% แตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 3 ปี หลังบริษัทดอร์แดช (DoorDash) จากสหรัฐฯ ตกลงซื้อกิจการบริษัทคู่แข่งในอังกฤษรายนี้
ด้านข้อมูลเศรษฐกิจนั้น ภาคบริการของอังกฤษในเดือนเม.ย.หดตัวลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2566 และหดตัวเร็วที่สุดในรอบกว่าสองปี ขณะที่ผลสำรวจบ่งชี้ว่า ความปั่นป่วนจากนโยบายภาษีของสหรัฐฯ ส่งผลกระทบต่อการส่งออกและความเชื่อมั่นอย่างหนัก
ขณะเดียวกัน อังกฤษและอินเดียได้บรรลุข้อตกลงการค้าเสรี ซึ่งถือเป็นข้อตกลงที่สำคัญที่สุดของอังกฤษหลังออกจากสหภาพยุโรป (EU)
ตลาดจับตาการประชุมของ BoE ซึ่งคาดว่าจะปรับลดดอกเบี้ยลง 0.25% ในวันพฤหัสบดีนี้ (8 พ.ค.) ส่วนเฟดนั้นคาดว่าจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับเดิมในการประชุมวันพุธนี้ (7 พ.ค.)