ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันอังคาร (13 พ.ค.) โดยถูกกดดันจากการร่วงลงของหุ้นยูไนเต็ดเฮลธ์ (UnitedHealth) ซึ่งเป็นบริษัทประกันสุขภาพรายใหญ่ของสหรัฐฯ อย่างไรก็ดี ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่สอง หลังสหรัฐฯ เปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่ต่ำกว่าคาด ซึ่งช่วยให้นักลงทุนยังคงมีมุมมองบวกต่อตลาด
ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 42,140.43 จุด ลดลง 269.67 จุด หรือ -0.64%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,886.55 จุด เพิ่มขึ้น 42.36 จุด หรือ +0.72% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,010.08 จุด เพิ่มขึ้น 301.74 จุด หรือ +1.61%
หุ้นยูไนเต็ดเฮลธ์ ดิ่งลง 17.8% และเป็นปัจจัยฉุดดัชนีดาวโจนส์ปิดในแดนลบ หลังจากบริษัทระงับการเปิดเผยตัวเลขคาดการณ์ผลประกอบการปีงบการเงิน 2568 และประกาศข่าวการลาออกอย่างกระทันหันของแอนดรูว์ วิตตี้ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของบริษัท
อย่างไรก็ดี ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดบวก หลังสหรัฐฯ เปิดเผยดัชนี CPI ทั่วไป (Headline CPI) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 2.3% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.4% หลังจากที่ปรับตัวขึ้น 2.4% ในเดือนมี.ค.
ส่วนเมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี CPI ทั่วไป เพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนเม.ย. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.3% หลังจากที่ปรับตัวลง 0.1% ในเดือนมี.ค.
ดัชนี CPI พื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 2.8% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายปี สอดคล้องตัวเลขคาดการณ์ หลังจากที่เพิ่มขึ้น 2.8% ในเดือนมี.ค. ส่วนเมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี CPI พื้นฐานปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนเม.ย. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.3% หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนมี.ค.
หุ้น 6 ใน 11 กลุ่มในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้น 2.25% ตามด้วยหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยดีดตัวขึ้น 1.41% ส่วนหุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ปรับตัวลงมากที่สุด โดยดิ่งลง 2.97% ตามด้วยหุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคร่วงลง 1.24%
บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กยังคงได้ปัจจัยบวกจากการที่สหรัฐฯ และจีนบรรลุข้อตกลงการค้าชั่วคราวในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเห็นพ้องให้ปรับลดอัตราภาษีศุลกากรฝ่ายละ 115% เป็นเวลา 90 วัน ส่งผลให้อัตราภาษีของสหรัฐฯ ที่เรียกเก็บจากสินค้าจีนลดลงสู่ระดับ 30% จากเดิม 145% ขณะที่อัตราภาษีของจีนที่เรียกเก็บจากสินค้าสหรัฐฯ ลดลงสู่ระดับ 10% จากเดิม 125%
นักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์ (Goldman Sachs) ปรับเพิ่มเป้าหมายดัชนี S&P500 ในช่วงปลายปี 2568 ขึ้นสู่ระดับ 6,100 จุด จากเป้าหมายเดิมที่ระดับ 5,900 จุด โดยได้แรงหนุนจากการบรรลุข้อตกลงการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ และความเสี่ยงที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเผชิญภาวะถดถอยมีน้อยลง
หุ้นอินวิเดีย (Nvidia) พุ่งขึ้น 5.6% ขานรับข่าวที่ว่าอินวิเดียจะจัดส่งชิปปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่มีประสิทธิภาพสูงไปยังซาอุดีอาระเบียจำนวน 18,000 ชิ้น โดยข่าวดังกล่าวเป็นปัจจัยหนุนหุ้นบริษัทชิปรายอื่น ๆ ดีดตัวขึ้นด้วย โดยหุ้นบรอดคอม (Broadcom) พุ่งขึ้น 5% และหุ้นแอดวานซ์ ไมโคร ดีไวซ์ (AMD) ปรับตัวขึ้น 4%
หุ้นคอยน์เบส โกลบอล (Coinbase Global) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซี ทะยานขึ้น 23.97% หลังจากหุ้นคอยน์เบสได้รับการเข้ารวมในดัชนี S&P500 โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 19 พ.ค. ส่งผลให้คอยน์เบสเป็นบริษัทคริปโทฯ รายแรกที่ได้รับการรวมในดัชนีดังกล่าว
นักลงทุนจับตาการกล่าวสุนทรพจน์ของเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในการประชุม Thomas Laubach Research Conference ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงวอชิงตัน ดีซี ในวันพฤหัสบดีที่ 15 พ.ค. เวลา 08.40 น. ตามเวลาสหรัฐฯ หรือตรงกับเวลา 19.40 น.ตามเวลาไทย