ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลดลงในวันพุธ (14 พ.ค.) ขณะที่นักลงทุนประเมินผลประกอบการที่แตกต่างกันของบริษัทจดทะเบียน และเริ่มหันไปให้ความสนใจกับภาวะเศรษฐกิจของอังกฤษ
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 8,585.01 จุด ลดลง 17.91 จุด หรือ -0.21%
โกลด์แมน แซคส์ (Goldman Sachs) ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ดัชนี FTSE 100 ในช่วง 12 เดือนข้างหน้า จาก 8,500 จุด เป็น 8,800 จุด หลังจากข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนช่วยลดความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่โลหะมีค่าปรับตัวลงมากที่สุดในกลุ่มอุตสาหกรรม โดยร่วงลง 2.5% หลังจากราคาทองคำร่วงลงกว่า 2% แตะระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือน
ส่วนหุ้นรายตัวนั้น หุ้นอิมพีเรียล แบรนด์ส (Imperial Brands) ร่วงลง 7.3% หลังจากบริษัทประกาศว่า สเตฟาน บอมฮาร์ด ซีอีโอของบริษัทจะเกษียณอายุหลังจากดำรงตำแหน่งมา 5 ปี
หุ้นคอมพาส กรุ๊ป (Compass Group) ร่วงลง 2.5% หลังจากบริษัทจัดเลี้ยงรายนี้คงระดับคาดการณ์กำไรและรายได้ทั้งปีไว้เท่าเดิม
หุ้นสไปแร็กซ์ กรุ๊ป (Spirax Group) ร่วงเกือบ 6% หลังจากรายงานว่ากำไรช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ลดลงเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม หุ้นเบอร์เบอรี (Burberry) พุ่งขึ้น 17% สวนทางตลาด หลังจากแบรนด์หรูสัญชาติอังกฤษรายนี้ประกาศแผนลดพนักงาน 1,700 คน หรือประมาณ 20% ของพนักงานทั่วโลก
สำหรับปัจจัยด้านเศรษฐกิจนั้น แคทเธอรีน แมนน์ สมาชิกคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) กล่าวว่า เธอลงมติให้คงอัตราดอกเบี้ยไว้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เพราะตลาดแรงงานของอังกฤษยังแข็งแกร่งกว่าที่เธอคาดไว้
ข้อมูลที่เผยแพร่เมื่อวันอังคารบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานของอังกฤษเริ่มชะลอตัวลง แต่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ระบุว่า เป็นการชะลอตัวลงเล็กน้อย
เมื่อวันที่ 8 พ.ค. BoE ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% โดยมีสมาชิก 5 คนจากทั้งหมด 9 คนที่สนับสนุนการตัดสินใจดังกล่าว
ด้านกระทรวงการคลังของอังกฤษเปิดเผยว่าได้ว่าจ้าง จิม โอนีล ผู้บริหารจากธนาคาร แบงก์ ออฟ อเมริกา (Bank of America) เข้ารับตำแหน่งระดับสูง เพื่อช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศที่ยังเติบโตช้า