ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกในวันศุกร์ (16 พ.ค.) โดยได้รับแรงหนุนจากการผ่อนคลายความตึงเครียดในสงครามภาษีทั่วโลก ซึ่งช่วยหนุนความต้องการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ขณะเดียวกันนักลงทุนก็คาดหวังว่าจะมีข้อตกลงทางการค้าเพิ่มเติมตามมา
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 8,684.56 จุด เพิ่มขึ้น 50.81 จุด หรือ +0.59%
ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ระดับสูงสุดในรอบเกือบ 2 เดือน และเพิ่มขึ้นราว 1% ในสัปดาห์นี้
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวันศุกร์ว่า สหรัฐฯ จะส่งจดหมายถึงประเทศต่าง ๆ ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้ เพื่อชี้แจงเกี่ยวกับต้นทุนในการทำธุรกิจในสหรัฐฯ แม้ยังไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติม
ในสัปดาห์นี้ นักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้นหลังจากสหรัฐฯ และจีนบรรลุข้อตกลงชั่วคราวเพื่อยุติสงครามการค้า ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงที่เศรษฐกิจโลกจะเข้าสู่ภาวะถดถอย ประกอบกับข้อมูลเศรษฐกิจที่ไม่รุนแรง และผลประกอบการของบริษัทส่วนใหญ่ออกมาดี แม้จะยังมีความระมัดระวังอยู่บ้าง
บริษัทรายใหญ่บางแห่งได้ปรับลดคาดการณ์เกี่ยวกับการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐฯ หลังจากความตึงเครียดด้านการค้าผ่อนคลายลง
ดัชนีหุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ปรับตัวขึ้น 1.7% โดยหุ้นแอสตร้าเซนเนก้า (AstraZeneca) เพิ่มขึ้น 1.9%
ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานเพิ่มขึ้น 0.9% หลังราคาน้ำมันขยับขึ้น โดยหุ้นบีพี (BP) บวก 1.2%
แต่หุ้นกลุ่มเหมืองแร่โลหะมีค่าและโลหะอุตสาหกรรม ลดลง 1.9% และ 1.6% ตามลำดับ หลังราคาทองคำและทองแดงปรับตัวลง
บรรดานักลงทุนจะจับตาการประชุมสุดยอดสหราชอาณาจักร-สหภาพยุโรปในวันที่ 19 พ.ค.นี้ ซึ่งทั้งสองฝ่ายหวังว่าจะปรับปรุงความสัมพันธ์หลัง Brexit ให้ดีขึ้น หลังจากที่ประธานาธิบดีทรัมป์ได้สร้างแรงกระเพื่อมต่อความร่วมมือด้านความมั่นคงและการค้า
นอกจากนี้ ตลาดยังรอติดตามข้อมูลเงินเฟ้อจากราคาผู้บริโภคของอังกฤษในสัปดาห์หน้า ซึ่งอาจมีผลต่อแนวโน้มนโยบายการเงินของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE)