ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ร่วงลงกว่า 200 จุด โดยถูกกดดันจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ หลังจากมูดี้ส์ เรทติ้งส์ ประกาศปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของรัฐบาลสหรัฐ
ณ เวลา 19.21 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ลบ 239 จุด หรือ 0.56% สู่ระดับ 42,497 จุด
ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 30 ปีพุ่งทะลุระดับ 5% ในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนพากันเทขายพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ หลังจากมูดี้ส์ เรทติ้งส์ ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือระยะยาวของรัฐบาลสหรัฐ จากระดับ Aaa สู่ระดับ Aa1 เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยแสดงความกังวลเกี่ยวกับการเพิ่มขึ้นของระดับหนี้สาธารณะและภาระดอกเบี้ยของสหรัฐ
การพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐส่งผลให้ชาวอเมริกันต้องแบกรับต้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้น โดยอัตราเงินกู้สำหรับการซื้อที่อยู่อาศัย รถยนต์ และอัตราดอกเบี้ยของบัตรเครดิตต่างก็ปรับตัวขึ้นตามอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ
นอกจากนี้ นักลงทุนจับตาความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศคู่ค้า
นายสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐ กล่าวว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะเรียกเก็บภาษีศุลกากรในอัตราที่เขาประกาศไว้เมื่อวันที่ 2 เม.ย.ต่อประเทศคู่ค้าที่ไม่เจรจาข้อตกลงการค้ากับสหรัฐอย่าง "สุจริตใจ"
อย่างไรก็ดี นายเบสเซนต์ไม่ได้ให้รายละเอียดของการเจรจาอย่าง "สุจริตใจ" และไม่ได้เปิดเผยกำหนดเวลาที่สหรัฐจะประกาศใช้อัตราภาษีตามที่ปธน.ทรัมป์ได้กำหนดไว้เมื่อวันที่ 2 เม.ย.
นายเบสเซนต์กล่าวว่า รัฐบาลสหรัฐพุ่งเป้าไปที่ประเทศคู่ค้า 18 ชาติที่มีความสัมพันธ์ทางการค้าสำคัญที่สุดต่อสหรัฐ และระยะเวลาของข้อตกลงต่าง ๆ จะขึ้นอยู่กับว่าประเทศเหล่านี้เจรจาอย่างสุจริตใจหรือไม่ โดยจะมีหนังสือส่งไปยังประเทศที่ไม่ได้ดำเนินการเช่นนั้น
"หากพวกเขาไม่ได้เจรจาอย่างสุจริตใจ พวกเขาก็จะได้รับหนังสือที่ระบุว่า 'นี่คืออัตราภาษีของคุณ' ดังนั้นผมคาดว่าทุกประเทศจะมาเจรจาด้วยความสุจริตใจ" นายเบสเซนต์กล่าววานนี้ในรายการ Meet the Press ของสำนักข่าว NBC News และเสริมว่า ประเทศที่ได้รับการแจ้งเตือนดังกล่าวมีแนวโน้มที่จะถูกเรียกเก็บภาษีศุลกากรตามที่มีการกำหนดไว้เมื่อวันที่ 2 เม.ย.