ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าลดลงในวันนี้ (22 พ.ค.) ตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดร่วงลงในวันพุธ (21 พ.ค.) เนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรพุ่งขึ้น ท่ามกลางความวิตกกังวลว่าหนี้สินของรัฐบาลสหรัฐฯ อาจปรับตัวสูงขึ้นหากสภาคองเกรสผ่านร่างกฎหมายปรับลดอัตราภาษีเงินได้ที่นำเสนอโดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
ดัชนีฮั่งเส็งปิดภาคเช้าที่ระดับ 23,695.88 จุด ลดลง 131.90 จุด หรือ -0.55%
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปีพุ่งขึ้นใกล้แตะระดับ 4.6% และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 30 ปีทะยานขึ้นเหนือระดับ 5% หลังจากกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ได้เปิดประมูลพันธบัตรรัฐบาลอายุ 20 ปี วงเงิน 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์ แต่ได้รับการตอบรับที่อ่อนแอเกินคาดและส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวสูงขึ้น
นักลงทุนจับตาร่างกฎหมายปรับลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและนิติบุคคลของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นร่างกฎหมายที่ปธน.ทรัมป์พยายามผลักดันให้ผ่านสภาคองเกรส แต่นักวิเคราะห์เตือนว่า การปรับลดอัตราภาษีครั้งใหม่จะทำให้รัฐบาลสหรัฐฯ มีภาระหนี้เพิ่มขึ้นอีก 3-5 ล้านล้านดอลลาร์ จากปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 36.2 ล้านล้านดอลลาร์
ร่างกฎหมายดังกล่าวถูกจับตาอย่างใกล้ชิด หลังจากสมาชิกพรรครีพับลิกันหลายกลุ่มแสดงความไม่พอใจต่อร่างกฎหมายฉบับนี้ โดยเรียกร้องให้มีการเพิ่มเพดานการหักภาษีของมลรัฐและท้องถิ่น (SALT) สู่ระดับ 40,000 ดอลลาร์ สำหรับครอบครัวที่มีรายได้ต่ำกว่า 500,000 ดอลลาร์ต่อปี เพื่อเป็นการเอาใจฐานเสียงพรรครีพับลิกันในรัฐที่มีภาษีสูง
ก่อนหน้านี้ ในปี 2560 ภายใต้กฎหมายปฏิรูปภาษีของปธน.ทรัมป์ขณะดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยแรก กฎหมายดังกล่าวได้จำกัดการหักภาษี SALT ไว้ไม่เกิน 10,000 ดอลลาร์ต่อปี ซึ่งส่งผลกระทบต่อประชาชนในรัฐที่มีภาษีสูง เช่น แคลิฟอร์เนีย นิวยอร์ก และนิวเจอร์ซีย์ เนื่องจากพวกเขาไม่สามารถหักภาษีท้องถิ่นได้เต็มจำนวนอีกต่อไป