ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ร่วงลงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดดิ่งลงกว่า 600 จุด หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศว่า บริษัท แอปเปิ้ล อิงค์ จะต้องจ่ายภาษีศุลกากร 25% หรือมากกว่านั้น สำหรับ iPhone ที่ผลิตนอกสหรัฐ
นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ยังขู่เรียกเก็บภาษีศุลกากรในอัตรา 50% ต่อสหภาพยุโรป (EU)
ณ เวลา 19.17 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ลบ 634 จุด หรือ 1.51% สู่ระดับ 41,291 จุด
"ผมได้แจ้งคุณทิม คุกจากบริษัทแอปเปิ้ลนานมาแล้วว่า ผมคาดหวังว่า iPhone ที่จะจำหน่ายในสหรัฐอเมริกาจะถูกผลิตและประกอบในสหรัฐ ไม่ใช่ในอินเดียหรือที่อื่น ๆ มิฉะนั้นแอปเปิ้ลจะต้องจ่ายภาษีศุลกากรอย่างน้อย 25% ให้แก่สหรัฐ" ปธน.ทรัมป์โพสต์ข้อความบน Truth Social
ทั้งนี้ แอปเปิ้ลใช้จีนและอินเดียเป็นฐานการผลิตหลักสำหรับ iPhone ในช่วงที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ระบุในวันนี้ว่า เขากำลังเสนอให้มีการเรียกเก็บภาษีศุลกากรในอัตรา 50% ต่อสหภาพยุโรป (EU) โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. เนื่องจากการเจรจาการค้ายังคงไม่มีความคืบหน้า
"การเจรจาข้อตกลงกับสหภาพยุโรปเป็นไปอย่างยากลำบากมาก การหารือกับพวกเขาไปไม่ถึงไหนเลย!" ปธน.ทรัมป์โพสต์ข้อความบน Truth Social
ขณะเดียวกัน ตลาดยังถูกกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่ยังคงปรับตัวอยู่ในระดับสูง โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 30 ปีปรับตัวลงในวันนี้ แต่ยังคงยืนอยู่เหนือระดับ 5% ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีอยู่เหนือระดับ 4.5% ขณะที่นักลงทุนจับตาผลกระทบของร่างกฎหมายภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ที่มีต่อเศรษฐกิจสหรัฐ
นักลงทุนแสดงความกังวลต่อร่างกฎหมายภาษีและงบประมาณรายจ่ายของปธน.ทรัมป์ ซึ่งผ่านการอนุมัติของสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวานนี้ เนื่องจากร่างกฎหมายดังกล่าวจะทำให้รัฐบาลสหรัฐขาดดุลงบประมาณเพิ่มขึ้นอีกราว 4 ล้านล้านดอลลาร์
ปัจจัยดังกล่าวได้สร้างแรงกดดันต่อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ และส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลดีดตัวขึ้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ท่ามกลางความกังวลที่ว่าพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐจะยังคงเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยหรือไม่
นอกจากนี้ ตลาดมีความวิตกต่อการที่มูดี้ส์ เรทติ้งส์ ประกาศปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐ โดยระบุถึงความกังวลเกี่ยวกับการเพิ่มขึ้นของระดับหนี้สาธารณะและภาระดอกเบี้ยของสหรัฐ