ดัชนี Sensex ตลาดหุ้นอินเดียปิดปรับตัวลงในวันนี้ (3 มิ.ย.) โดยมีแรงกดดันหลักจากหุ้นกลุ่มการเงินและไอที ท่ามกลางความกังวลว่าเงินทุนต่างชาติจะไหลออก หลังผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น ประกอบกับความไม่แน่นอนทางการค้าโลก ขณะเดียวกัน หุ้นเครืออดานี (Adani group) ก็ดิ่งลงอย่างหนัก หลังวอลล์สตรีทเจอร์นัล (WSJ) รายงานว่า ทางการสหรัฐฯ กำลังสอบสวนกรณีการนำเข้าก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) จากอิหร่าน
ดัชนี S&P BSE Sensex ปิดตลาดที่ 80,737.51 ลบ 636.24 จุด หรือ -0.78%
หุ้น 12 ใน 13 กลุ่มอุตสาหกรรมหลักปิดลบ นำโดยกลุ่มการเงินขนาดใหญ่ที่ร่วง 0.7% และกลุ่มธนาคารลูกค้าบุคคลรายใหญ่ที่ดิ่งลง 1.2% ส่วนดัชนีกลุ่มไอทีก็ปรับลดลง 0.7% เช่นกัน
ดัชนีหุ้นขนาดกลางปิดลบ 0.5% ส่วนดัชนีหุ้นขนาดเล็กปิดแทบไม่ขยับ
นักลงทุนสถาบันต่างชาติ (FPI) ซึ่งปกติถือครองหุ้นกลุ่มการเงินและไอทีจำนวนมาก ได้เทขายสุทธิหุ้นอินเดียติดต่อกันเป็นวันที่ 2 แล้ว หลังจากที่ก่อนหน้านี้เข้าซื้อสุทธิติดต่อกันถึง 5 วัน
หุ้นส่วนใหญ่ในเครืออดานีปรับตัวลงถ้วนหน้า นำโดย Adani Enterprises ที่ร่วงราว 2% และ Adani Ports ที่ดิ่งลงประมาณ 2.5%
ทางเครืออดานีได้ออกมาปฏิเสธว่าไม่ได้มี "ส่วนเกี่ยวข้องโดยเจตนา" กับการหลีกเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรแต่อย่างใด พร้อมระบุว่าไม่ทราบเรื่องที่ทางการสหรัฐฯ กำลังดำเนินการสอบสวนอยู่
ในส่วนของหุ้นรายตัวที่น่าสนใจ หุ้น Sobha ทะยานขึ้นถึง 5.5% ช่วยหนุนดัชนีกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ให้บวกเพิ่ม 1.2% หลังโบรกเกอร์หลายสำนักคาดการณ์ว่า ผลประกอบการจะฟื้นตัวแข็งแกร่งในปีงบการเงิน 2569
อนึ่ง แคโรไลน์ เลวิตต์ โฆษกทำเนียบขาว แถลงเมื่อวานนี้ (2 มิ.ย.) ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน น่าจะได้มีโอกาสหารือกันภายในสัปดาห์นี้ ไม่กี่วันหลังจากที่ปธน.ทรัมป์เพิ่งกล่าวหาจีนว่าละเมิดข้อตกลงการค้าเบื้องต้นที่ทั้งสองฝ่ายทำร่วมกันที่กรุงเจนีวา ส่งผลให้จีนออกแถลงการณ์โจมตีกลับ ระบุสหรัฐฯ เป็นฝ่ายที่ไม่ทำตามข้อตกลง พร้อมทั้งประกาศเตรียมตอบโต้แข็งกร้าว