ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นในวันนี้ ขณะที่ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทดีดตัวขึ้นต่อเนื่องจากที่พุ่งขึ้นวานนี้
ณ เวลา 20.42 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 42,593.09 จุด บวก 73.45 จุด หรือ 0.17%
ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดวานนี้ทะยานขึ้นกว่า 200 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ปิดในแดนบวกเช่นกัน โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มบริษัทผลิตชิป
หุ้น Nvidia นำหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้นในวันนี้ ส่งผลให้หุ้นบรอดคอม, เมตา แพลตฟอร์มส์ และอัลฟาเบทต่างปรับตัวขึ้นตามกัน
การดีดตัวขึ้นของตลาดหุ้นวอลล์สตรีทในระยะนี้ ทำให้นักลงทุนมีความมั่นใจมากขึ้นว่าตลาดหุ้นสามารถฟื้นตัวขึ้น หลังจากร่วงลงก่อนหน้านี้จากมาตรการภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
การที่ตลาดไม่ได้ปรับตัวรุนแรงต่อข่าวเกี่ยวกับการเจรจาการค้าในระยะนี้ ทำให้ผู้เชี่ยวชาญเชื่อมั่นมากขึ้นว่า ตลาดหุ้นยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อไป โดยดัชนีดาวโจนส์ไม่ได้รับผลกระทบจากถ้อยแถลงล่าสุดของปธน.ทรัมป์ ซึ่งกล่าวว่า การเจรจากับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนเป็นเรื่องที่ยากลำบาก ขณะที่นักวิเคราะห์จากดอยช์แบงก์ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ดัชนี S&P 500 สำหรับสิ้นปีนี้
อย่างไรก็ดี การปรับตัวขึ้นของดัชนีดาวโจนส์ในวันนี้ถูกจำกัดจากการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปี
ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้นเพียง 37,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปี หรือนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2566 และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 110,000 ตำแหน่ง หลังจากเพิ่มขึ้น 60,000 ตำแหน่งในเดือนเม.ย.
นักลงทุนจับตาตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันศุกร์นี้ โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานเพิ่มขึ้นเพียง 130,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 177,000 ตำแหน่งในเดือนเม.ย. และคาดว่าอัตราว่างงานทรงตัวที่ระดับ 4.2%