ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันศุกร์ (6 มิ.ย.) และปรับตัวขึ้นเป็นสัปดาห์ที่สองติดต่อกัน โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ และความกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดทางการค้าที่เริ่มคลี่คลายลง
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 553.64 จุด เพิ่มขึ้น 1.76 จุด หรือ +0.32% และปรับตัวขึ้นรวม 0.6% ตลอดทั้งสัปดาห์นี้
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,804.87 จุด เพิ่มขึ้น 14.60 จุด หรือ +0.19%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 24,304.46 จุด ลดลง 19.12 จุด หรือ -0.08% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,837.91 จุด เพิ่มขึ้น 26.87 จุด หรือ +0.30%
รายงานการจ้างงานของสหรัฐฯ ที่ออกมาดีกว่าคาดช่วยคลายความกังวลเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของตลาดแรงงานสหรัฐฯ ซึ่งอาจทำให้นักลงทุนเริ่มประเมินนโยบายการค้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ว่าจะส่งผลต่อตลาดแรงงานอย่างไร
นักวิเคราะห์รายหนึ่งกล่าวว่า ข้อมูลดังกล่าวได้กระตุ้นความหวังว่า ตลาดแรงงานและเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะรับมือกับผลกระทบจากภาษีของทรัมป์ได้ดีกว่าที่เคยคาดไว้
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมจากสัญญาณผ่อนคลายความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์และประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนได้พูดคุยกันทางโทรศัพท์เมื่อวันพฤหัสบดี (5 มิ.ย.)
นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ฟรีดริช แมร์ซ ระบุว่า เขาจะผลักดันข้อตกลงให้รถยนต์จากสหรัฐฯ เข้าสู่ยุโรปโดยปลอดภาษี แลกกับการที่สหรัฐฯ จะยกเลิกภาษีสินค้าส่งออกจากยุโรปในลักษณะเดียวกัน
ธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติลดดอกเบี้ยตามที่ตลาดคาดไว้ อย่างไรก็ตาม สัญญาณที่แข็งกร้าวจากคริสติน ลาการ์ด ประธาน ECB บ่งชี้ว่าวัฏจักรการผ่อนคลายทางการเงินอาจใกล้สิ้นสุดลงแล้ว ส่งผลให้นักลงทุนเริ่มลดความคาดหวังเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก
บรรดานักลงทุนยังจับตาความขัดแย้งทางวาทกรรมระหว่างประธานาธิบดีทรัมป์และอีลอน มัสก์ ซีอีโอของเทสลา (Tesla) ว่า อาจลุกลามไปยังตลาดการเงินในวงกว้างหรือไม่
นักวิเคราะห์รายหนึ่งกล่าวว่า คำพูดของมัสก์เมื่อวานนี้เกี่ยวกับภาษีของทรัมป์ ซึ่งเขากล่าวว่า อาจทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ถดถอยในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ เมื่อรวมกับการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอในสัปดาห์นี้ ทำให้นักลงทุนบางส่วนยังเลือกที่จะไม่เข้าซื้อหุ้นในตอนนี้
กลุ่มการเงินเป็นกลุ่มที่ปรับตัวขึ้นมากสุด นำโดยหุ้นธนาคารยูบีเอส (UBS) ซึ่งพุ่งขึ้น 3.8% หลังจากทางการสวิสเสนอให้เพิ่มข้อกำหนดด้านเงินทุนหลักของธนาคารอีก 2.6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
แต่กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งได้รับผลกระทบโดยตรงจากการที่สหรัฐฯ เก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมนั้น ปรับตัวลง 1.8% ในรอบสัปดาห์นี้
ด้านเศรษฐกิจมหภาคนั้น การส่งออกและการผลิตภาคอุตสาหกรรมของเยอรมนีในเดือนเม.ย. หดตัวมากกว่าที่คาด เนื่องจากอุปสงค์จากสหรัฐฯ อ่อนแอลง หลังจากที่ช่วงก่อนหน้านี้มีการเร่งสั่งซื้อสินค้าเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจากภาษี