ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวขึ้นในวันอังคาร (10 มิ.ย.) โดยดัชนี FTSE 100 ขยับเข้าใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากข้อมูลตลาดแรงงานของอังกฤษที่อ่อนแอทำให้นักลงทุนคาดหวังว่า ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จะปรับลดดอกเบี้ยอีกในปีนี้ ขณะที่ความสนใจของนักลงทุนยังคงอยู่ที่การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 8,853.08 จุด เพิ่มขึ้น 20.80 จุด หรือ +0.24%
ดัชนี FTSE 100 ปิดตลาดใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่เคยทำไว้เมื่อวันที่ 3 มี.ค. โดยอยู่ห่างเพียงราว 20 จุด
ข้อมูลเปิดเผยว่า การเติบโตของค่าจ้างในอังกฤษชะลอตัวลงอย่างรวดเร็ว และอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 4 ปีในช่วงสามเดือนถึงเดือนเม.ย. 2568 ซึ่งจะเปิดทางให้ BoE เดินหน้าปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก
นักเศรษฐศาสตร์ของเอชเอสบีซี โกลบอล รีเสิร์ช (HSBC Global Research) กล่าวว่า BoE ดูเหมือนจะไม่แน่ใจนักเรื่องการปรับลดดอกเบี้ยในเดือนพ.ค. ซึ่งอาจนำไปสู่การหยุดพักการปรับลดชั่วคราวในเดือนส.ค. แต่ข้อมูลในวันนี้อาจทำให้มีน้ำหนักมากพอที่จะตัดสินใจลดดอกเบี้ยอีกในเดือนส.ค.
นักลงทุนยังจับตาการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ซึ่งยืดเยื้อเข้าสู่วันที่สอง โดยคาดหวังว่าจะมีสัญญาณของการผ่อนคลายสงครามภาษีที่ส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกและฉุดรั้งการเติบโตของเศรษฐกิจ
หุ้นกลุ่มก่อสร้างที่อยู่อาศัยและสินค้าในครัวเรือนนำตลาดปรับตัวขึ้นในวันอังคาร โดยพุ่ง 5.4% นำโดยหุ้นเบลล์เวย์ (Bellway) ที่พุ่งขึ้น 7.9% หลังจากบริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายนี้ปรับเพิ่มคาดการณ์จำนวนบ้านที่จะสร้างได้ในปีนี้
หุ้นของคู่แข่งอย่าง วิสทรี (Vistry) และเพอร์ซิมมอน (Persimmon) ก็ปรับตัวขึ้น 9.4% และ 6% ตามลำดับ
หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น 3.5% ตามราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น
ในทางกลับกัน หุ้นกลุ่มเหมืองแร่โลหะมีค่าร่วงลงอย่างหนัก 4.8% โดยฮอชชิลด์ ไมนิง (Hochschild Mining) ดิ่งลงเกือบ 23% หลังประกาศปิดเหมืองมารา โรซา (Mara Rosa) ชั่วคราวเป็นเวลา 6 สัปดาห์ หลังปริมาณการผลิตทองคำในเดือนพ.ค. ต่ำกว่าคาด
หุ้นอเบอร์ดีน (Aberdeen) พุ่งขึ้น 6.3% หลังจากเจพี มอร์แกน (J.P. Morgan) ปรับคำแนะนำลงทุนจาก "ถือ" เป็น "เพิ่มน้ำหนักลงทุน"