ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเล็กน้อยในวันพุธ (11 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง ซึ่งได้บดบังปัจจัยบวกจากตัวเลขเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลงของสหรัฐฯ ขณะเดียวกันนักลงทุนรอคอยรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเจรจาการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ
ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 42,865.77 จุด ลดลง 1.10 จุด หรือ -0.003%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,022.24 จุด ลดลง 16.57 จุด หรือ -0.27% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,615.88 จุด ลดลง 99.11 จุด หรือ -0.50%
ดัชนีหลักทั้ง 3 ดัชนีพลิกกลับมาปิดตลาดในแดนลบ หลังจากดีดตัวขึ้นในระหว่างวัน โดยตลาดถูกกดดันจากรายงานข่าวที่ว่าสหรัฐฯ เตรียมอพยพเจ้าหน้าที่บางส่วนออกจากสถานทูตในอิรัก เนื่องจากกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงด้านความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้นในภูมิภาคตะวันออกกลาง โดยก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่อาวุโสของอิหร่านกล่าวว่า อิหร่านจะโจมตีฐานทัพสหรัฐฯ ในตะวันออกกลาง หากการเจรจานิวเคลียร์ล้มเหลวและความขัดแย้งระหว่างอิหร่านกับสหรัฐฯ ทวีความรุนแรงขึ้น
ข่าวดังกล่าวได้บดบังปัจจัยบวกจากรายงานที่ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนพ.ค.ของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 2.4% เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.5% หลังจากที่ปรับตัวขึ้น 2.3% ในเดือนเม.ย. ส่วนดัชนี CPI พื้นฐานซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 2.8% ในเดือนพ.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.9% หลังจากที่เพิ่มขึ้น 2.8% ในเดือนเม.ย.
นักวิเคราะห์จากบริษัท Dakota Wealth กล่าวว่า แม้มาตรการภาษีศุลกากรของรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ จะทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อ แต่ดัชนี CPI ที่ออกมาต่ำกว่าคาดทำให้นักลงทุนมีความหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 70% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ระดับ 4.00-4.25% ในการประชุมเดือนก.ย.
นักลงทุนรอดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเจรจาการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ โดยหลังจากเสร็จสิ้นการเจรจาการค้าที่กรุงลอนดอนในวันอังคาร (10 มิ.ย.) เจ้าหน้าที่จีนและสหรัฐฯ ได้บรรลุกรอบการทำงานเพื่อดำเนินการตามฉันทามติที่ตกลงร่วมกันในนครเจนีวา และตามที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ให้คำมั่นร่วมกันในระหว่างการสนทนาทางโทรศัพท์เมื่อวันที่ 5 มิ.ย. โดยข้อตกลงดังกล่าวจะทำให้จีนยกเลิกข้อจำกัดในการส่งออกแร่หายาก ขณะที่สหรัฐฯ จะผ่อนคลายการควบคุมการขายเทคโนโลยีที่ทันสมัยให้กับจีน
ด้านปธน.ทรัมป์กล่าวว่า จีนจะจัดส่งแร่ธาตุหายากให้แก่สหรัฐฯ ตามข้อตกลงทางการค้าที่ทั้งสองฝ่ายบรรลุร่วมกันก่อนหน้านี้ พร้อมกับกล่าวว่า ข้อตกลงดังกล่าวยังต้องผ่านการอนุมัติขั้นสุดท้ายจากเขาและประธานาธิบดีสี จิ้นผิง
หุ้น 7 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ นำโดยหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยและกลุ่มวัสดุร่วงลง 1.02% และ 0.98% ตามลำดับ ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น 1.49%
หุ้นอะเมซอน (Amazon) ร่วงลง 2% และหุ้นอินวิเดีย (Nvidia) ปรับตัวลง 0.8% ซึ่งเป็นปัจจัยกดดันดัชนี S&P500
หุ้นเทสลา (Tesla) ฟื้นตัวขึ้น 0.1% หลังจากอีลอน มัสก์ ซีอีโอของเทสลาได้ออกมาแสดงความเสียใจต่อการที่เขาได้โพสต์ข้อความวิพากษ์วิจารณ์ปธน.ทรัมป์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยมัสก์ได้ลบโพสต์วิจารณ์ทรัมป์บางโพสต์ออกแล้ว ซึ่งรวมถึงโพสต์ที่แสดงท่าทีสนับสนุนการถอดถอนประธานาธิบดี ขณะที่แหล่งข่าววงในเปิดเผยว่า มัสก์อาจต้องการคืนดีกับทรัมป์
หุ้นเกมสต็อป (GameStop) ซึ่งเป็นบริษัทจำหน่ายวิดีโอเกมในสหรัฐฯ ร่วงลง 5.3% หลังบริษัทเปิดเผยรายได้ลดลงในไตรมาส 1