ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบในวันพฤหัสบดี (12 มิ.ย.) ต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 เนื่องจากความหวังด้านการค้าโลกลดลง ขณะที่ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้นทำให้นักลงทุนหลีกเลี่ยงสินทรัพย์เสี่ยง
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 549.84 จุด ลดลง 1.80 จุด หรือ -0.33%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,765.11 จุด ลดลง 10.79 จุด หรือ -0.14%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 23,771.45 จุด ลดลง 177.45 จุด หรือ -0.74% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,884.92 จุด เพิ่มขึ้น 20.57 จุด หรือ +0.23%
ดัชนี STOXX 600 ปิดลดลง 0.3% หลังจากแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่าสัปดาห์ระหว่างวัน โดยการปรับตัวลงต่อเนื่องครั้งนี้ถือเป็นการลดลงติดต่อกันรายวันยาวนานที่สุดในรอบกว่า 2 เดือน
ปัจจัยหลักที่กดดันตลาด คือความไม่ชัดเจนอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับนโยบายการค้าระหว่างประเทศ โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ประกาศเมื่อวันพุธว่า พร้อมจะขยายเส้นตายการเจรจาการค้า แต่ก็อาจไม่จำเป็น เพราะมีจดหมายเกี่ยวกับข้อเสนอที่กำลังจะส่งให้ประเทศคู่ค้าต่าง ๆ
แม้การเจรจากับจีนล่าสุดจะได้ข้อตกลงบางส่วน แต่ยังไม่สามารถยกเลิกภาษีเดิมหรือแก้ปัญหาโครงสร้างด้านการค้าได้
สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ กล่าวว่า สหภาพยุโรป (EU) เคยให้ข้อเสนอที่ยังไม่ชัดเจนมาก่อน แต่ตอนนี้เริ่มแสดงออกถึงความตั้งใจที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ตลาดยังไม่มั่นใจว่าสหรัฐฯ และ EU จะสามารถตกลงกันได้ก่อนเส้นตายวันที่ 8 ก.ค. ซึ่งเป็นวันที่มาตรการระงับเก็บภาษีจะหมดอายุลง
ความกังวลด้านภูมิรัฐศาสตร์ยิ่งกดดันตลาด หลังจากที่ทรัมป์ระบุว่า สหรัฐฯ กำลังเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่บางส่วนออกจากตะวันออกกลาง ท่ามกลางความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นกับอิหร่าน
ราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นช่วยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงาน ส่วนหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคซึ่งมักเคลื่อนไหวคล้ายกับพันธบัตร เพิ่มขึ้น 0.8% สอดคล้องกับราคาพันธบัตรยูโรโซนที่ขยับสูงขึ้น
ในทางกลับกัน หุ้นกลุ่มท่องเที่ยวและนันทนาการร่วงลงมากที่สุดในบรรดาหุ้นกลุ่มต่าง ๆ โดยหุ้นโบอิ้งร่วงลง 8% หลังจากเครื่องบินของสายการบินแอร์อินเดียที่ใช้เครื่องบินของโบอิ้งตกที่เมืองอาเมดาบัดของอินเดีย ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 200 ราย
อิซาเบล ชนาเบล กรรมการบริหารธนาคารกลางยุโรป (ECB) กล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยของ ECB อยู่ในระดับที่เหมาะสม แม้อัตราเงินเฟ้อจะชะลอตัวในอนาคตก็ตาม
บรรดาเทรดเดอร์คาดว่า ECB จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกเพียง 0.25% ครั้งเดียวก่อนสิ้นปี 2568