ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์พุ่งขึ้นกว่า 100 จุด ท่ามกลางความคาดหวังที่ว่าสหรัฐจะขยายเวลาการระงับใช้มาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้
ณ เวลา 18.56 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์บวก 149 จุด หรือ 0.35% สู่ระดับ 43,867 จุด
ทำเนียบขาวเปิดเผยวานนี้ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อาจขยายเวลาการระงับใช้มาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ที่กำหนดไว้ 90 วัน ซึ่งคำสั่งระงับใช้มาตรการดังกล่าวจะหมดอายุในวันที่ 9 ก.ค.
นางแคโรไลน์ เลวิตต์ โฆษกทำเนียบขาว กล่าวว่า กำหนดเส้นตายดังกล่าวไม่เร่งรีบถึงขั้นวิกฤต
นอกจากนี้ นักลงทุนขานรับคาดการณ์การบรรลุข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
นายโฮเวิร์ด ลุตนิก รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐ กล่าวว่า สหรัฐและจีนได้ข้อสรุปเกี่ยวกับกรอบข้อตกลงการค้าแล้ว และคาดว่าสหรัฐจะบรรลุข้อตกลงกับคู่ค้ารายใหญ่จำนวน 10 ประเทศในเร็ว ๆ นี้
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าววานนี้ว่า "เราเพิ่งเซ็นข้อตกลงกับจีนเมื่อวานนี้" ซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวได้ชี้แจงว่า จีนได้เห็นพ้องต่อกรอบความเข้าใจในการดำเนินการตามข้อตกลงเจนีวา
ด้านกระทรวงพาณิชย์ของจีนออกแถลงการณ์ในวันนี้ระบุว่า จันและสหรัฐได้ยืนยันกรอบข้อตกลงทางการค้า ซึ่งจะทำให้จีนส่งออกแร่หายากไปยังสหรัฐ ขณะที่สหรัฐจะผ่อนคลายข้อจำกัดด้านเทคโนโลยีต่อจีน
นักลงทุนจับตาดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้ โดยดัชนี PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ เนื่องจากสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี PCE ทั่วไป (Headline PCE) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 2.3% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบรายปี หลังจากปรับตัวขึ้น 2.1% ในเดือนเม.ย.
เมื่อเทียบรายเดือน คาดว่าดัชนี PCE ทั่วไป ปรับตัวขึ้น 0.1% ในเดือนพ.ค. หลังจากปรับตัวขึ้น 0.1% เช่นกันในเดือนเม.ย.
ส่วนดัชนี PCE พื้นฐาน (Core PCE) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน คาดว่าปรับตัวขึ้น 2.6% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบรายปี หลังจากปรับตัวขึ้น 2.5% ในเดือนเม.ย.
เมื่อเทียบรายเดือน คาดว่าดัชนี PCE พื้นฐานปรับตัวขึ้น 0.1% ในเดือนพ.ค. หลังจากปรับตัวขึ้น 0.1% เช่นกันในเดือนเม.ย.