ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ปรับตัวลดลงในวันนี้ (10 ก.ค.) โดยตลาดยังคงถูกกดดันจากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ เดินหน้าเรียกเก็บภาษีศุลกากรจากบรรดาประเทศคู่ค้า
ณ เวลา 18.18 น. ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ลดลง 57 จุด หรือ 0.13% สู่ระดับ 44,662 จุด
เมื่อวันจันทร์ (7 ก.ค.) ปธน.ทรัมป์ได้ส่งจดหมายถึง 14 ประเทศเพื่อแจ้งอัตราภาษีศุลกากรใหม่ โดยเรียกเก็บจากไทย 36%, ลาว 40%, เมียนมา 40%, กัมพูชา 36%, บังกลาเทศ 35%, เซอร์เบีย 35%, อินโดนีเซีย 32%, บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา 30%, แอฟริกาใต้ 30%, ญี่ปุ่น 25%, คาซัคสถาน 25%, มาเลเซีย 25%, เกาหลีใต้ 25% และตูนิเซีย 25%
ต่อมาในวันพุธ (9 ก.ค.) ปธน.ทรัมป์ได้ส่งจดหมายถึง 8 ประเทศ โดยเรียกเก็บภาษีศุลกากร 30% จากแอลจีเรีย อิรัก ลิเบีย และศรีลังกา, 25% จากบรูไนและมอลโดวา, 20% จากฟิลิปปินส์ และ 50% จากบราซิล โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ส.ค.
นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์เปิดเผยผ่านทรูธโซเชียล (Truth Social) ในวันพุธว่า การเรียกเก็บภาษีนำเข้าทองแดงในอัตรา 50% ที่เขาประกาศไว้เมื่อวันก่อนนั้น จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ส.ค. พร้อมระบุว่า การตัดสินใจดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่เขาได้รับผลการประเมินด้านความมั่นคงแห่งชาติ
"ผมขอประกาศว่า ภาษีศุลกากรที่เรียกเก็บจากการนำเข้าทองแดงในอัตรา 50% จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. หลังจากที่ผมได้รับการประเมินด้านความมั่นคงแห่งชาติ ทองแดงเป็นโลหะที่จำเป็นสำหรับเซมิคอนดักเตอร์ เครื่องบิน เรือ อาวุธ ศูนย์ข้อมูล แบตเตอรีลิเธียมไอออน ระบบเรดาร์ ระบบป้องกันขีปนาวุธ และแม้แต่อาวุธความเร็วเหนือเสียง ซึ่งเรากำลังสร้างขึ้นเป็นจำนวนมาก ทองแดงเป็นวัสดุที่กระทรวงกลาโหมใช้มากเป็นอันดับสอง" ปธน.ทรัมป์ระบุ