ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ระดับสูงสุดครั้งใหม่ในวันจันทร์ (14 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนมีความหวังมากขึ้นว่า ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในเดือนหน้า ขณะที่หุ้นแอสตร้าเซนเนก้า (AstraZeneca) พุ่งขึ้นหลังผลการทดลองยาออกมาในเชิงบวก
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ระดับ 8,998.06 จุด เพิ่มขึ้น 56.94 จุด หรือ +0.64%
หุ้นแอสตร้าเซนเนก้าพุ่งขึ้น 2% หลังบริษัทยายักษ์ใหญ่รายนี้เปิดเผยว่า การทดลองยาแบ็กซ์โดรสแตต (baxdrostat) สามารถลดความดันโลหิตได้สำเร็จในการทดลองระยะสุดท้ายกับผู้ป่วยที่มีภาวะความดันสูงซึ่งรักษาได้ยาก
หุ้นแอสโซซิเอเต็ด บริติช ฟู้ดส์ (Associated British Foods) พุ่งขึ้น 2% หลังบริษัทโบรกเกอร์แพนมิวร์ ลิเบอร์รัม (Panmure Liberum) ปรับคำแนะนำหุ้นของผู้ค้าปลีกรายนี้เป็น "ซื้อ"
ตลาดแรงงานของอังกฤษในเดือนมิ.ย. ชะลอตัวลงอย่างรวดเร็ว โดยจำนวนแรงงานที่หางานเพิ่มขึ้นในอัตราสูงที่สุดนับตั้งแต่การระบาดของโรคโควิด-19
ตลาดคาดว่า ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกครั้งในเดือนส.ค. ซึ่งจะเป็นครั้งที่ 5 นับตั้งแต่เดือนส.ค. 2567 โดยจากข้อมูลของแอลเอสอีจี (LSEG) เทรดเดอร์คาดการณ์ความเป็นไปได้ถึง 89% ว่า BoE จะลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25%
ตัวเลขเงินเฟ้อและข้อมูลการจ้างงานของอังกฤษซึ่งจะประกาศภายในสัปดาห์นี้ จะเป็นปัจจัยสำคัญในการชี้ทิศทางดอกเบี้ยของธนาคารกลาง
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาข้อความเกี่ยวกับสถานะทางการคลังของอังกฤษในการกล่าวสุนทรพจน์ประจำปี Mansion House โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ราเชล รีฟส์ ร่วมกับผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ แอนดรูว์ เบลีย์ ซึ่งจะมีขึ้นในวันอังคารนี้ที่กรุงลอนดอน
ดัชนี FTSE 100 ซึ่งมีหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์เป็นสัดส่วนสูง ทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดใหม่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เนื่องจากแผนการของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ที่จะเก็บภาษีสินค้าจากประเทศคู่ค้ารายสำคัญ รวมถึงทองแดงที่มีราคาพุ่งสูงขึ้น ซึ่งได้ช่วยหนุนให้หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ เช่น เกลนคอร์ (Glencore) และ ริโอ ทินโต (Rio Tinto) ปรับตัวขึ้น