ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบในวันอังคาร (15 ก.ค.) โดยถูกกดดันจากหุ้นกลุ่มการเงินและกลุ่มเฮลท์แคร์ ขณะที่นักลงทุนรอติดตามข่าวเกี่ยวกับข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ-สหภาพยุโรป (EU) และประเมินข้อมูลเงินเฟ้อสหรัฐฯ ล่าสุด
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 544.95 จุด ลดลง 2.04 จุด หรือ -0.37%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,766.21 จุด ลดลง 41.96 จุด หรือ -0.54%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 24,060.29 จุด ลดลง 100.35 จุด หรือ -0.42% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,938.32 จุด ลดลง 59.74 จุด หรือ -0.66%
เมื่อวันจันทร์ (14 ก.ค.) EU กล่าวหาว่า สหรัฐฯ ต่อต้านข้อตกลงการค้า และเตือนว่าจะมีมาตรการตอบโต้ หากไม่สามารถบรรลุข้อตกลง ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ กล่าวว่า เขาเปิดกว้างต่อการเจรจา โดยระบุเสริมว่าเจ้าหน้าที่ EU จะเดินทางไปสหรัฐฯ เพื่อเจรจาการค้า
ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 5 เดือนในเดือนมิ.ย. บ่งชี้ว่า มาตรการภาษีนำเข้าเริ่มกระตุ้นเงินเฟ้อ ซึ่งอาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ชะลอการปรับลดดอกเบี้ยไปจนถึงเดือนก.ย.
สถาบันวิจัยเศรษฐกิจ ZEW ระบุว่า ความเชื่อมั่นของนักลงทุนเยอรมนีเพิ่มขึ้นเกินคาดในเดือนก.ค. แต่นักเศรษฐศาสตร์เตือนว่า ความเชื่อมั่นดังกล่าวจะหายไป หากไม่มีข้อตกลงการค้าระหว่าง EU-สหรัฐฯ
ธนาคารขนาดใหญ่ของสหรัฐฯ เริ่มเปิดเผยผลประกอบการ โดยนักลงทุนประเมินแนวโน้มและความไม่แน่นอนที่เกี่ยวข้องกับภาษีอย่างใกล้ชิด
เจพีมอร์แกน เชส (JPMorgan Chase) ปรับเพิ่มคาดการณ์รายได้ดอกเบี้ยสุทธิปี 2568 และมีกำไรไตรมาสสองสูงกว่าที่คาดการณ์
แต่ดัชนีกลุ่มธนาคารยุโรปลดลง 1.1% โดยหุ้น Commerzbank ของเยอรมนี, Banco BPM ของอิตาลี และ Societe Generale ของฝรั่งเศส ต่างร่วงลงมากกว่า 2%
หุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ปรับตัวลงเช่นกัน โดยหุ้นโนโว นอร์ดิสค์ (Novo Nordisk) ผู้ผลิตยาของเดนมาร์กร่วงลง 2.3%
หุ้นเอเอสเอ็มแอล (ASML) ผู้ผลิตอุปกรณ์ผลิตชิปคอมพิวเตอร์รายใหญ่ที่สุดของโลก พุ่งขึ้น 2.7% ก่อนการประกาศผลประกอบการในวันพุธนี้