ตลาดหุ้นเอเชียเปิดผันผวนในวันนี้ (21 ก.ค.) หลังจากธนาคารกลางจีน (PBOC) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) โดยการตัดสินใจดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่จีนยังคงรับมือกับความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ซบเซาลง และเศรษฐกิจที่ขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และบรรดาประเทศคู่ค้า ก่อนที่จะถึงกำหนดเส้นตายในวันที่ 1 ส.ค.
ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ระดับ 24,991.14 จุด เพิ่มขึ้น 165.48 จุด หรือ +0.67% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตเปิดที่ระดับ 3,542.82 จุด เพิ่มขึ้น 8.34 จุด หรือ +0.24%
ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดบวก 0.45% และดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียทรงตัว ส่วนตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันแห่งทะเล (Marine Day)
ธนาคารกลางจีนมีมติคงอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 1 ปีเอาไว้ที่ระดับ 3.0% และคงอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 5 ปีเอาไว้ที่ระดับ 3.5% โดยอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 1 ปีเป็นอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงในการกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะสั้น ส่วนอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 5 ปีเป็นอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงในการกำหนดอัตราดอกเบี้ยระยะยาว เช่น อัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง
การคงอัตราดอกเบี้ย LPR ในวันนี้ มีขึ้นหลังจากทางการจีนเปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ขยายตัว 5.2% ในไตรมาส 2/2568 เมื่อเทียบรายปี ซึ่งชะลอลงจากไตรมาสแรกที่มีการขยายตัว 5.4% ส่วนยอดค้าปลีกของจีนในเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้นเพียง 4.8% ชะลอตัวลงอย่างมากจากเดือนพ.ค.ที่พุ่งขึ้น 6.4% และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะปรับตัวขึ้น 5.4%
ประเด็นทางการค้ากลับมาเป็นที่จับตาของนักลงทุนอีกครั้ง หลังจากทำเนียบขาวย้ำว่าจะเดินหน้าใช้มาตรการภาษีศุลกากรกับประเทศต่าง ๆ โดยเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โฮเวิร์ด ลุตนิก รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ กล่าวว่า วันที่ 1 ส.ค. เป็น "กำหนดเส้นตาย" สำหรับประเทศต่าง ๆ ที่จะต้องเริ่มถูกเรียกเก็บภาษีศุลกากร แต่ถึงกระนั้นก็ตาม เขายังเปิดช่องทางการเจรจา โดยกล่าวว่า "ไม่มีอะไรหยุดประเทศต่าง ๆ ไม่ให้เจรจากับเราหลังจากวันที่ 1 ส.ค."