ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันอังคาร (29 ก.ค.) โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มการเงินและกลุ่มกลาโหม แม้ว่าตลาดหุ้นเดนมาร์กร่วงลงมากที่สุดในรอบปีนี้ เนื่องจากหุ้น Novo Nordisk ร่วงลง หลังบริษัทผู้ผลิตยาลดน้ำหนักรายนี้ได้ประกาศเตือนเรื่องผลกำไร
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 550.36 จุด เพิ่มขึ้น 1.60 จุด หรือ +0.29%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,857.36 จุด เพิ่มขึ้น 56.48 จุด หรือ +0.72%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 24,217.37 จุด เพิ่มขึ้น 247.01 จุด หรือ +1.03% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 9,136.32 จุด เพิ่มขึ้น 54.88 จุด หรือ +0.60%
หุ้น Novo Nordisk ผู้ผลิตยา Wegovy ซึ่งเคยเป็นหุ้นยอดนิยมในตลาด ร่วงลง 23% ซึ่งเป็นการลดลงรายวันมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ ส่งผลให้มูลค่าตลาดหายไปราว 5.75 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หลังลดประมาณการการเติบโตของยอดขายในปี 2568 และประกาศเปลี่ยนตัวซีอีโอ ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นในตลาดยารักษาโรคอ้วน
หุ้นดังกล่าวฉุดให้ดัชนี OMX Copenhagen ของเดนมาร์กร่วงลง 11.9% ขณะที่ดัชนีหุ้นกลุ่มเภสัชกรรมในดัชนี STOXX 600 ลดลง 1.6%
อย่างไรก็ตาม ดัชนี STOXX 600 ปิดบวก โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มธนาคารที่พุ่งขึ้น 1.7% แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2551 จากความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อแนวโน้มกำไรที่ดีขึ้นและความสามารถในการต้านทานผลกระทบจากภาวะปั่นป่วนด้านภาษี
ข่าวดีสำหรับนักลงทุนคือ สหรัฐฯ และสหภาพยุโรป (EU) ได้บรรลุข้อตกลงปรับลดภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ลงเหลือ 15% หลังจากการเจรจาหลายสัปดาห์ ทำให้สถานการณ์การค้าชัดเจนยิ่งขึ้น
นักวิเคราะห์ระบุว่า ภาพรวมของผลประกอบการบริษัทปรับตัวดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดหลังการบรรลุข้อตกลง โดยปัจจุบันคาดว่าบริษัทในยุโรปจะมีกำไรในไตรมาส 2 เติบโต 1.8% เมื่อเทียบกับการคาดการณ์ว่าอาจลดลง 0.3% เมื่อสัปดาห์ก่อน
หุ้นกลุ่มอวกาศและกลาโหมพุ่งขึ้น 2.2% หลังร่วงต่อเนื่องสามวัน โดยข้อตกลงการค้าฉบับใหม่กำหนดให้มีการยกเว้นภาษีเครื่องบินและชิ้นส่วนอย่างสมบูรณ์ โดยหุ้น Airbus และ Safran SA เพิ่มขึ้น 1.7% และ 2.1% ตามลำดับ
หุ้น EssilorLuxottica บริษัทแว่นตาฝรั่งเศส-อิตาลี พุ่งขึ้น 6.9% หลังรายงานกำไรจากการดำเนินงานในครึ่งปีแรกเพิ่มขึ้น แม้เผชิญแรงกดดันจากภาษี
หุ้น Philips จากเนเธอร์แลนด์ พุ่งขึ้น 9.2% หลังบริษัทเทคโนโลยีด้านเฮลท์แคร์ปรับลดการประเมินผลกระทบจากภาษี หลังการทำข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับ EU
ความสนใจของนักลงทุนตอนนี้มุ่งไปที่ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2 ของยูโรโซนและสหรัฐฯ ที่จะประกาศในวันพุธนี้ ตามด้วยการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ซึ่งจะตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ย และรายงานการจ้างงานของสหรัฐฯ ในวันศุกร์นี้