ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกในวันอังคาร (29 ก.ค.) นำโดยหุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ ขณะที่นักลงทุนประเมินผลประกอบการของบริษัทต่าง ๆ ที่ออกมาแบบผสมผสาน และรอการตัดสินใจนโยบายการเงินครั้งถัดไปของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในวันพุธนี้
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 9,136.32 จุด เพิ่มขึ้น 54.88 จุด หรือ +0.60%
หุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์พุ่งขึ้น 2.2% หลัง AstraZeneca รายงานรายได้และกำไรไตรมาส 2 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ ส่งผลให้ราคาหุ้นพุ่งขึ้น 3.4%
หุ้นกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่เพิ่มขึ้น 1.5% ตามทิศทางตลาดหุ้นยุโรป โดยหุ้น Barclays พุ่งขึ้น 2.8% หลังธนาคารรายงานกำไรครึ่งปีแรกเพิ่มขึ้น 23% สูงกว่าที่คาดไว้
หุ้นกลุ่มธนาคารยุโรปโดยรวมแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2551 ขณะที่นักลงทุนคาดหวังว่ากำไรจะดีขึ้นและภาคการเงินจะสามารถต้านทานผลกระทบจากความไม่แน่นอนด้านภาษี
หุ้นกลุ่มผู้ผลิตเหมืองแร่โลหะมีค่าพุ่งขึ้น 2.4% มากที่สุดในบรรดากลุ่มอุตสาหกรรมต่าง ๆ หลังราคาทองคำทรงตัวหลังแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 9 ก.ค.
ในทางกลับกัน หุ้นกลุ่มเคมีภัณฑ์ลดลง 5.4% หลังหุ้น Croda International ร่วงลง 10.4% จากรายงานยอดขายครึ่งปีแรกที่ต่ำกว่าคาด
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่อุตสาหกรรมลดลง 1.3% ตามราคาทองแดงที่อ่อนตัว โดยหุ้น Glencore และหุ้น Anglo American ร่วงลง 3.4% และ 1.6% ตามลำดับ
ในบรรดาหุ้นรายตัวนั้น หุ้น Games Workshop พุ่งขึ้น 5.4% หลังบริษัทผู้ผลิตเกมสงครามจำลองรายงานกำไรก่อนหักภาษีประจำปีเพิ่มขึ้นเกือบ 30%
ด้านประเด็นการค้านั้น โฮเวิร์ด ลุตนิก รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยเมื่อวันอังคารว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะตัดสินใจเรื่องข้อตกลงการค้าในสัปดาห์นี้ แม้ว่าการเจรจากับจีนและสหภาพยุโรปจะยังคงดำเนินอยู่
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ และอียูยังอยู่ระหว่างหารือเกี่ยวกับภาษีเหล็ก อะลูมิเนียม และกฎระเบียบด้านบริการดิจิทัล
ทรัมป์ระบุเมื่อวันจันทร์ว่า อาจกำหนดอัตราภาษีทั่วโลกที่ระดับ 15% ถึง 20% สำหรับประเทศที่ไม่ได้อยู่ในกระบวนการเจรจา ซึ่งถือว่าเป็นอัตราสูงที่สุดนับตั้งแต่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ในช่วงทศวรรษ 1930
บรรดานักลงทุนจับตาการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ซึ่งคาดว่าจะประกาศคงอัตราดอกเบี้ยในวันพุธนี้