ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดแดนลบเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน แตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ในวันนี้ (31 ก.ค.) หลังจีนเปิดเผยดัชนี PMI ภาคการผลิตหดตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 ขณะที่ดัชนี PMI ภาคบริการเติบโตน้อยที่สุดในรอบ 8 เดือน นอกจากนี้ นักลงทุนยังมีความหวังน้อยลงเกี่ยวกับการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย.
ดัชนีฮั่งเส็งปิดตลาดที่ระดับ 24,773.33 จุด ร่วงลง 403.60 จุด หรือ -1.60%
หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ สินค้าอุปโภคบริโภค และการเงินปรับตัวลดลง โดยหุ้น Laopu Gold ดิ่งลง 9.2%, หุ้น Meituan ร่วงลง 4.7%, หุ้น Pop Mart Intl. ลดลง 4.5% และหุ้น China Overseas Land ลดลง 4.2%
สำนักงานสถิติแห่งชาติจีนรายงานในวันนี้ว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตปรับตัวลงแตะระดับ 49.3 ในเดือนก.ค. จากระดับ 49.7 ในเดือนมิ.ย. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 49.7
ทั้งนี้ ดัชนีที่ระดับต่ำกว่า 50 บ่งชี้ว่าภาคการผลิตของจีนอยู่ในภาวะหดตัว และเป็นการหดตัวติดต่อกันเดือนที่ 4 สะท้อนให้เห็นว่าการส่งออกที่เคยพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งก่อนที่สหรัฐฯ จะปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้านั้น เริ่มอ่อนแรงลง ในขณะที่อุปสงค์ภายในประเทศยังคงซบเซา
ส่วนดัชนี PMI ภาคบริการลดลงสู่ระดับ 50.1 ในเดือนก.ค. จากระดับ 50.5 ในเดือนมิ.ย. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 50.3
คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีมติด้วยคะแนนเสียง 9 ต่อ 2 ให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมเมื่อวันพุธตามคาด โดยระบุว่าอัตราว่างงานยังคงอยู่ในระดับต่ำ และตลาดแรงงานยังคงแข็งแกร่ง ในขณะที่เงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูง
เจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) แถลงข่าวภายหลังการประชุมว่า ขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะบอกได้ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งต่อไปในเดือนก.ย.หรือไม่ และระบุว่านโยบายการเงินของเฟดในปัจจุบันอยู่ในระดับที่คุมเข้มเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้เป็นปัจจัยฉุดรั้งเศรษฐกิจ