ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันพฤหัสบดี (14 ส.ค.) โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มป้องกันประเทศและกลุ่มการเงิน ขณะที่นักลงทุนประเมินข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดตลาดที่ระดับ 9,177.24 จุด เพิ่มขึ้น 12.01 จุด หรือ +0.13%
ดัชนี FTSE 100 ปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 4 โดยนักลงทุนขานรับในเชิงบวกต่อข้อมูล GDP ของอังกฤษในไตรมาส 2 ซึ่งชะลอตัวน้อยกว่าที่คาด แม้เผชิญภาษีการค้าของสหรัฐฯ และตลาดแรงงานที่อ่อนแอ แม้ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทร่วงลงหลังข้อมูลเงินเฟ้อจากดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐฯ ออกมาสูงเกินคาด ซึ่งลดความหวังในการปรับลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)
ดัชนีหุ้นกลุ่มอากาศยานและการป้องกันประเทศพุ่งขึ้น 2% ขณะที่หุ้นกลุ่มการเงินเพิ่มขึ้นด้วย โดยหุ้น Aviva พุ่ง 2.5% แตะระดับสูงสุดในรอบ 17 ปี หลังประกาศเพิ่มเงินปันผลระหว่างกาลและรายงานกำไรจากการดำเนินงานครึ่งปีเพิ่มขึ้น 22% ส่งผลให้ดัชนีหุ้นกลุ่มประกันชีวิตบวก 1.5%
ดัชนีหุ้นกลุ่มประกันวินาศภัยเพิ่มขึ้น 1.9% โดยหุ้น Admiral Group พุ่งขึ้น 6.6% หลังรายงานกำไรก่อนหักภาษีครึ่งปีเพิ่มขึ้น 67%
หุ้น Centrica เจ้าของ British Gas พุ่งขึ้น 3.7% หลังประกาศว่าจะเข้าซื้อท่าเทียบเรือ LNG ของ National Grid ร่วมกับ Energy Capital Partners จากสหรัฐฯ มูลค่าประมาณ 1.5 พันล้านปอนด์ (2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ)
ในทางกลับกัน หุ้นกลุ่มพลังงานลดลง 1.4% โดยหุ้น Harbour Energy ร่วง 4.8% และหุ้น Shell ลดลงมากกว่า 1% ขณะที่หุ้นกลุ่มเหมืองโลหะอุตสาหกรรมปรับตัวลง 2.3%
หุ้นรายใหญ่หลายตัว เช่น HSBC, BP, Hikma Pharmaceuticals และ Hiscox ลดลงเกือบ 1% หลังขึ้นเครื่องหมาย XD โดยซื้อขายแบบไม่รวมสิทธิ์รับเงินปันผล (ex-dividend)
หุ้น Diploma ผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ด้านเทคนิค ร่วง 2.9% หลังคริส เดวีส์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินประกาศลาออก