ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดบวก 61.30 จุด กลุ่มแบงก์-เฮลท์แคร์หนุนตลาด

ข่าวต่างประเทศ Thursday September 4, 2025 07:00 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกในวันพุธ (3 ก.ย.) โดยฟื้นตัวขึ้น หลังจากเผชิญกับการร่วงลงรุนแรงที่สุดในรอบเกือบ 5 เดือน เนื่องจากนักลงทุนกังวลต่อสถานะการคลังของอังกฤษ

ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดตลาดที่ 9,177.99 จุด เพิ่มขึ้น 61.30 จุด หรือ +0.67%

เมื่อวันอังคาร ตลาดหุ้นร่วงลงจากแรงกดดันของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (gilts) ที่พุ่งขึ้น ท่ามกลางความกังวลว่า สหราชอาณาจักรจะสามารถควบคุมด้านการคลังได้หรือไม่ โดยผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 30 ปีดีดตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2541

อย่างไรก็ตาม แอนดรูว์ เบลีย์ ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษกล่าวต่อที่ประชุมคณะกรรมาธิการว่า ไม่ควรโฟกัสกับประเด็นนี้มากนัก เนื่องจากรัฐบาลไม่ได้พึ่งพาการกู้ยืมจากพันธบัตรระยะยาวประเภทนี้เป็นหลักแล้ว ขณะเดียวกัน ราเชล รีฟส์ รัฐมนตรีคลัง ระบุว่าจะนำเสนองบประมาณประจำปีในวันที่ 26 พ.ย. โดยย้ำว่าการควบคุมการใช้จ่ายภาครัฐอย่างเข้มงวดจะช่วยลดเงินเฟ้อและต้นทุนการกู้ยืมได้

หุ้นเหมืองแร่ทั้งโลหะมีค่าและโลหะอุตสาหกรรมปรับตัวขึ้นตามราคาทองคำและโลหะพื้นฐาน โดยหุ้น Hochschild Mining พุ่ง 7.6% แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ต้นปี 2556 หลังบริษัทประกาศขายกิจการ Volcan ในชิลี ส่วนหุ้น Anglo American บวก 2.3% หลังเสนอขายหุ้นที่เหลือใน Valterra Platinum

หุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์และกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ เป็นตัวหนุนสำคัญของตลาด โดยเฉพาะธนาคารที่เผชิญแรงกดดันตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา หลังจากมีหน่วยงานวิจัยเสนอให้เก็บภาษีใหม่กับภาคธนาคารเพื่อเป็นทางเลือกให้รีฟส์สามารถจัดเก็บรายได้เพิ่มเติม

ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานถ่วงตลาด โดยหุ้น Shell และ BP ต่างร่วงลงราว 1.3% ตามราคาน้ำมันที่ปรับตัวลง

หุ้น Watches of Switzerland พุ่ง 6.1% หลังบริษัทระบุว่าผลประกอบการครึ่งปีแรกจะเป็นไปตามคาดการณ์จากความต้องการที่แข็งแกร่งในสหรัฐฯ ขณะที่หุ้น Hilton Food Group ร่วง 17.4% หลังแจ้งต้นทุนที่สูงขึ้นในธุรกิจอาหารทะเลและข้อจำกัดด้านกฎระเบียบของ Foppen ซึ่งเป็นบริษัทในเครือในประเทศกรีซ

ผลสำรวจบ่งชี้ว่า ภาคบริการของอังกฤษขยายตัวเร็วสุดในรอบกว่าหนึ่งปีในเดือนที่ผ่านมา จากแรงหนุนของคำสั่งซื้อใหม่ที่เพิ่มขึ้น

ส่วนในสหรัฐฯ ข้อมูลการเปิดรับสมัครงานในเดือนก.ค.ที่ออกมาต่ำกว่าคาด ยิ่งทำให้ตลาดมั่นใจมากขึ้นต่อโอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดดอกเบี้ยลงในเร็ว ๆ นี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ