ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าปรับตัวขึ้นเป็นส่วนใหญ่ในวันนี้ (4 ก.ย.) หลังสหรัฐฯ เปิดเผยข้อมูลแรงงานที่ซบเซา ซึ่งทำให้ตลาดคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ระดับ 42,456.16 จุด เพิ่มขึ้น 517.27 จุด หรือ +1.23%, ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ระดับ 25,037.73 จุด ลดลง 305.70 จุด หรือ -1.21% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดภาคเช้าที่ 3,738.32 จุด ลดลง 75.23 จุด หรือ -1.97%
ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปรับตัวขึ้น 0.14% ส่วนดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปรับตัวขึ้น 0.64% หลังจากสำนักงานสถิติออสเตรเลียเปิดเผยว่า การใช้จ่ายภาคครัวเรือนพุ่งขึ้น 5.1% ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นการขยายตัวในอัตราสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2566
กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยผลสำรวจการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) พบว่า ตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน ลดลง 170,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 7.18 ล้านตำแหน่งในเดือนก.ค. ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 7.38 ล้านตำแหน่ง เนื่องจากมาตรการภาษีศุลกากรของรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ทำให้ภาคธุรกิจเกิดความลังเลในการจ้างงาน
ทั้งนี้ ตัวเลข JOLTS เป็นข้อมูลที่เฟดให้ความสำคัญ โดยมองว่าเป็นมาตรวัดอุปสงค์และภาวะตึงตัวในตลาดแรงงาน ซึ่งเป็นปัจจัยในการพิจารณานโยบายการเงินและอัตราดอกเบี้ยของเฟด
หลังกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยข้อมูลดังกล่าว นักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้นเกือบ 100% ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.00-4.25% ในการประชุมวันที่ 17 ก.ย.
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ในวันศุกร์นี้ โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้นเพียง 74,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 73,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. และคาดว่าอัตราว่างงานจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4.3% ในเดือนส.ค. จากระดับ 4.2% ในเดือนก.ค.