ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบในวันศุกร์ (5 ก.ย.) โดยถูกกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มการเงิน เนื่องจากนักลงทุนกลับมาระมัดระวังมากขึ้น หลังข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ ออกมาต่ำกว่าคาด ทำให้เกิดความกังวลต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งใหญ่ที่สุดในโลก
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 549.21 จุด ลดลง 0.88 จุด หรือ -0.16%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,674.78 จุด ลดลง 24.14 จุด หรือ -0.31%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 23,596.98 จุด ลดลง 173.35 จุด หรือ-0.73% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 9,208.21 จุด ลดลง 8.66 จุด หรือ -0.09%
ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานร่วง 1.8% ตามทิศทางราคาน้ำมันที่ลดลงจากความคาดหวังว่าจะมีอุปทานเพิ่มขึ้น
การจ้างงานของสหรัฐฯ อ่อนแอลงอย่างมากในเดือนส.ค. ซึ่งยืนยันถึงภาวะตลาดแรงงานที่ชะลอตัว และตอกย้ำแนวโน้มที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดดอกเบี้ยในเดือนนี้
ข้อมูลจากเครื่องมือ FedWatch ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดว่า เฟดจะปรับลดดอกเบี้ยอย่างน้อย 3 ครั้งภายในสิ้นปีนี้
หุ้นกลุ่มธนาคารยุโรปร่วงลง 1.3%, หุ้นกลุ่มประกันลดลง 0.6% และหุ้นบริการทางการเงินลดลง 0.3%
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลยูโรโซนปรับตัวลง โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรเยอรมนีอายุ 10 ปีลดลง 0.61% มาอยู่ที่ 2.661% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์
กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ยปรับตัวขึ้น 1.6% ซึ่งช่วยจำกัดการร่วงลงของดัชนี STOXX 600
หุ้นกลุ่มพลังงานเป็นกลุ่มที่ร่วงหนักสุดในสัปดาห์นี้ โดยร่วงลง 3.2% ขณะที่หุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์และกลุ่มสื่อยังเป็นกลุ่มที่ทำผลงานดีที่สุด โดยเพิ่มขึ้น 1.2%
ด้านข้อมูลเศรษฐกิจ คำสั่งซื้อภาคอุตสาหกรรมเยอรมนีในเดือนก.ค. ร่วงลงเกินคาดเพราะคำสั่งซื้อขนาดใหญ่ลดลง ขณะที่จีดีพียูโรโซนไตรมาสสองขยายตัว 0.1% จากไตรมาสก่อนหน้า โดยการจ้างงานเพิ่มขึ้น 0.1% เมื่อเทียบรายไตรมาส และเพิ่มขึ้น 0.6% เมื่อเทียบรายปี