ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบในวันศุกร์ (5 ก.ย.) โดยถูกกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มธนาคาร ขณะที่นักลงทุนทำการประเมินข้อมูลเศรษฐกิจทั้งภายในประเทศและของสหรัฐฯ
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดตลาดที่ 9,208.21 จุด ลดลง 8.66 จุด หรือ -0.09%
หุ้นกลุ่มผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ปรับขึ้น นำโดย Berkeley ที่บวก 3% หลังยืนยันคาดการณ์กำไรปีงบประมาณ 2569 และ 2570 ขณะที่หุ้นในกลุ่มเดียวกันอย่าง Vistry, Persimmon, Taylor Wimpey และ Barratt Redrow ต่างก็ปรับตัวขึ้นเช่นกัน
หุ้นเหมืองแร่โลหะมีค่าและเหมืองแร่อุตสาหกรรมปรับตัวขึ้นตามราคาทองคำและทองแดงที่เพิ่มขึ้น ในทางกลับกัน หุ้นพลังงานร่วง 2.4% และกดดัน FTSE 100 โดยหุ้น Shell และ BP ร่วงลง 2.2% และ 2.6% ตามลำดับ
หุ้นธนาคารขนาดใหญ่ร่วงลง โดยหุ้น HSBC, NatWest, Barclays และ Lloyds เป็นกลุ่มที่กดดันดัชนีมากที่สุด
หุ้นกลุ่มประกันวินาศภัยลดลง โดยหุ้น Admiral Group ร่วง 2.9% หลัง Peel Hunt ปรับลดคำแนะนำลงทุนจากลดน้ำหนักการลงทุนเป็นขาย
แต่หุ้น Entain พุ่งขึ้น 3.3% หลัง Jefferies ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายของบริษัทพนันรายนี้ ขณะที่หุ้น Ashmore ร่วงลง 4.3% หลังบริษัทจัดการสินทรัพย์รายนี้เปิดเผยรายได้จากค่าธรรมเนียมต่ำกว่าคาดและผลกำไรลดลง
ในช่วงต้นสัปดาห์ ตลาดถูกกดดันจากความกังวลด้านการคลังของอังกฤษและความสามารถของรัฐบาลในการควบคุมงบประมาณ ส่งผลให้บอนด์ยีลด์ระยะยาวพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 27 ปี
นอกจากนี้ นักลงทุนยังคงคาดการณ์ถึงการปรับขึ้นภาษีซึ่งอาจถ่วงการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยอังกฤษเตรียมแถลงงบประมาณในวันที่ 26 พ.ย.
ด้านข้อมูลเศรษฐกิจ ยอดค้าปลีกเดือนก.ค. ขยายตัวมากกว่าที่คาด ส่วนข้อมูลสหรัฐฯ บ่งชี้ว่า การจ้างงานในเดือนส.ค. อ่อนแอลงอย่างมาก และอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นเป็น 4.3% ซึ่งยืนยันถึงภาวะตลาดแรงงานที่ชะลอตัว และสนับสนุนแนวโน้มที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดดอกเบี้ยในเดือนนี้
ด้านการเมืองนั้น แองเจลา เรย์เนอร์ รองนายกรัฐมนตรีอังกฤษลาออกจากตำแหน่ง หลังยอมรับความผิดพลาดจากการชำระภาษีทรัพย์สินต่ำกว่าที่ควรจะเป็นสำหรับบ้านหลังใหม่