ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ดีดตัวขึ้นในวันนี้ จากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25-0.50% ในการประชุมนโยบายการเงินสัปดาห์หน้า หลังการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรที่อ่อนแอ
ณ เวลา 19.07 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์บวก 59 จุด หรือ 0.13% สู่ระดับ 45,518 จุด
เฟดเริ่มเข้าสู่ช่วงงดเว้นการแสดงความเห็นเกี่ยวกับนโยบายการเงิน (Blackout Period) ก่อนที่เฟดจะจัดการประชุมกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ในวันที่ 16-17 ก.ย.
กฎระเบียบของเฟดได้ระบุห้ามเจ้าหน้าที่เฟดแสดงความเห็นหรือให้สัมภาษณ์ในช่วง Blackout Period เกี่ยวกับนโยบายการเงิน โดยเริ่มตั้งแต่วันเสาร์ที่สองก่อนที่การประชุม FOMC จะเริ่มขึ้น และสิ้นสุดในวันพฤหัสบดีหลังการประชุม FOMC เพื่อป้องกันไม่ให้สาธารณชนตีความว่าเป็นการบ่งชี้การดำเนินการด้านอัตราดอกเบี้ยของเฟดในการประชุมนโยบายการเงินที่จะมาถึง
นักลงทุนพากันคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในการประชุมที่เหลือในปีนี้ และเพิ่มน้ำหนักต่อคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยมากถึง 0.50% ในการประชุมสัปดาห์หน้า หลังการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานที่ซบเซาในวันศุกร์ที่ผ่านมา
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 88.1% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.00-4.25% ในการประชุมวันที่ 16-17 ก.ย. และให้น้ำหนัก 11.9% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมดังกล่าว จากเดิมที่ไม่เคยให้น้ำหนักต่อคาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50%
นอกจากนี้ นักลงทุนคาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ทั้งในการประชุมเดือนต.ค.และธ.ค.
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 22,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 75,000 ตำแหน่ง
ส่วนอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4.3% สอดคล้องตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ จากระดับ 4.2% ในเดือนก.ค.
นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐได้ปรับตัวเลขการจ้างงานในเดือนก.ค.เป็นเพิ่มขึ้น 79,000 ตำแหน่ง จากเดิมรายงานว่าเพิ่มขึ้น 73,000 ตำแหน่ง
ทั้งนี้ ภาคเอกชนมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 38,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. ขณะที่ภาครัฐมีการจ้างงานลดลง 16,000 ตำแหน่ง
ขณะเดียวกัน ตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน เพิ่มขึ้น 3.7% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายปี และเพิ่มขึ้น 0.3% เมื่อเทียบรายเดือน
ทั้งนี้ ตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงนับเป็นข้อมูลที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อ
ส่วนตัวเลขอัตราการเข้าสู่ตลาดแรงงานของสหรัฐ ซึ่งแสดงสัดส่วนของกำลังแรงงานต่อจำนวนประชากรทั้งหมด อยู่ที่ระดับ 62.3%