ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 600 จุดในวันพฤหัสบดี (11 ก.ย.) โดยดัชนีหลักทั้ง 3 ดัชนีปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากข้อมูลแรงงานและตัวเลขเงินเฟ้อที่มีการเปิดเผยล่าสุดเป็นปัจจัยหนุนการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์หน้า นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากการพุ่งขึ้นของหุ้นเทสลา (Tesla) และหุ้นไมครอน เทคโนโลยี (Micron Technology)
ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 46,108.00 จุด เพิ่มขึ้น 617.08 จุด หรือ +1.36%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,587.47 จุด เพิ่มขึ้น 55.43 จุด หรือ +0.85% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 22,043.07 จุด เพิ่มขึ้น 157.01 จุด หรือ +0.72%
กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ปรับตัวขึ้น 2.9% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายปี สอดคล้องตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากที่เพิ่มขึ้น 2.7% ในเดือนก.ค. ส่วนดัชนี CPI พื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 3.1% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายปี สอดคล้องตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากที่เพิ่มขึ้น 3.1% ในเดือนก.ค.
ส่วนตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของสหรัฐฯ พุ่งขึ้น 27,000 ราย สู่ระดับ 263,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบเกือบ 4 ปี หรือนับตั้งแต่วันที่ 23 ต.ค. 2564 และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 235,000 ราย
เครื่องมือ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 100% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันที่ 16-17 ก.ย. และให้น้ำหนัก 7% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมครั้งนี้
หุ้น 10 ใน 11 กลุ่มในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยหุ้นกลุ่มวัสดุพุ่งขึ้น 2.14% ตามด้วยหุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์พุ่งขึ้น 1.47% ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลง 0.04%
หุ้นเทสลา พุ่งขึ้น 6% ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยหนุนดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ส่วนดัชนีดาวโจนส์ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์เช่นกัน โดยได้ปัจจัยหนุนส่วนหนึ่งมาจากหุ้นเจพีมอร์แกน (JPMorgan) ที่พุ่งขึ้น 1.6% และหุ้นโกลด์แมน แซคส์ (Goldman Sachs) พุ่งขึ้น 1.9%
หุ้นไมครอน เทคโนโลยี ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่ พุ่งขึ้น 7.5% ปิดที่ระดับ 150.57 ดอลลาร์ หลังจากนักวิเคราะห์ของ Citigroup ปรับเพิ่มเป้าหมายราคาหุ้นไมครอนขึ้นสู่ระดับ 175 ดอลลาร์ จากเดิม 150 ดอลลาร์ ส่วนดัชนีหุ้นเซมิคอนดักเตอร์ที่ตลาดหุ้นฟิลาเดลเฟีย (PHLX Semiconductor Index) ดีดตัวขึ้น 0.9% แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
หุ้นวอร์เนอร์ บราเธอร์ส ดิสคัฟเวอรี (Warner Bros Discovery) พุ่งขึ้น 29% หลังจากหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานว่า บริษัทพาราเมาท์ สกายแดนซ์ (Paramount Skydance) เตรียมเสนอซื้อกิจการวอร์เนอร์ บราเธอร์สซึ่งกำลังประสบปัญหาด้านการเงิน
หุ้นออราเคิล (Oracle) ปรับตัวลง 6.2% หลังจากที่พุ่งขึ้นแข็งแกร่งถึง 36% ในวันพุธ อันเนื่องมาจากการคาดการณ์เชิงบวกเกี่ยวกับรายได้ในธุรกิจคลาวด์