ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกในวันพฤหัสบดี (11 ก.ย.) นำโดยหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมและธนาคาร ขณะที่นักลงทุนประเมินผลประกอบการบริษัทและข้อมูลเงินเฟ้อล่าสุดของสหรัฐฯ
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดตลาดที่ระดับ 9,297.58 จุด เพิ่มขึ้น 72.19 จุด หรือ +0.78%
ดัชนี FTSE 100 ปรับตัวขึ้นมากที่สุดในรอบกว่า 3 สัปดาห์ โดยหุ้นกลุ่มอากาศยานและการป้องกันประเทศพุ่งขึ้น 3.5% แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยหุ้น BAE Systems พุ่งขึ้น 6.3%, หุ้น Babcock พุ่ง 2.7%, หุ้น Rolls-Royce พุ่งขึ้น 2.2% และหุ้น Avon ทะยานขึ้น 7.9%
ในสหรัฐฯ นั้น ข้อมูลบ่งชี้ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนส.ค.เพิ่มขึ้นเกินคาด แต่จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกที่พุ่งขึ้นในสัปดาห์ก่อนหน้า ยังคงช่วยสนับสนุนมุมมองที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะยังคงเดินหน้าปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันพุธหน้า
หุ้นกลุ่มธนาคารในตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวขึ้น 1.1% โดยหุ้น HSBC เพิ่มขึ้น 1.5% และหุ้น Barclays บวก 1.2%
ส่วนหุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์เพิ่มขึ้น 0.6% นำโดยหุ้น GSK ที่บวก 1.9%
สำหรับหุ้นที่ปรับตัวลงนั้น กลุ่มสินค้าแบรนด์หรูร่วง 1.7% โดยหุ้น Burberry ร่วงลง 2.8% และหุ้นกลุ่มพลังงานลดลง 0.2% ตามราคาน้ำมันที่ลดลง โดยหุ้น Shell ลบ 0.4% หลังปรับลดคาดการณ์การผลิตประจำปีเป็นครั้งที่สองในรอบไม่ถึง 4 เดือน
สำหรับหุ้นรายตัวนั้น หุ้น Compass Group พุ่งขึ้น 2.8% หลัง Deutsche Bank ปรับคำแนะนำลงทุนจากถือเป็นซื้อ
ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ตรึงอัตราดอกเบี้ยตามคาด และยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อการเติบโตและเงินเฟ้อ ทำให้ตลาดลดการคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ย
ด้านราเชล รีฟส์ รัฐมนตรีคลังอังกฤษให้คำมั่นว่าจะเดินหน้าปฏิรูปภาษีเพื่อสนับสนุนการขยายตัวของธุรกิจขนาดเล็ก