ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดลบในวันนี้ (24 ก.ย.) หลังปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง 3 วัน โดยตลาดถูกกดดันหลังการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของออสเตรเลียพุ่งเกินคาดแตะระดับ 3.0% สูงสุดในรอบ 1 ปี ซึ่งจะจำกัดโอกาสที่ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) จะผ่อนคลายนโยบายการเงินในระยะสั้น
ทั้งนี้ ดัชนี S&P/ASX 200 ปิดที่ 8,764.50 จุด ลดลง 81.40 จุด หรือ -0.92% และดัชนี All Ordinaries ปิดที่ 9,057.60 จุด ลดลง 80.20 จุด หรือ -0.88%
สำนักงานสถิติแห่งชาติออสเตรเลีย (ABS) เปิดเผยในวันนี้ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อทั่วไป ประจำเดือนส.ค. พุ่งขึ้น 3.0% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวที่สูงที่สุดในรอบ 12 เดือน และเร่งตัวขึ้นจากระดับ 2.8% ในเดือนก.ค. นอกจากนี้ ตัวเลขดังกล่าวยังสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 2.9%
อย่างไรก็ตาม อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานขยายตัว 2.6% ในเดือนส.ค. ชะลอตัวลงจากระดับ 2.7% ในเดือนก.ค.
ขณะเดียวกัน ดัชนี CPI ที่ไม่นับรวมรายการสินค้าที่มีความผันผวนสูงและค่าใช้จ่ายด้านการเดินทางท่องเที่ยวในช่วงวันหยุด ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 3.4% จาก 3.2% ในเดือนก่อนหน้า
สัญญาแลกเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ย (interest rate swaps) บ่งชี้ว่า RBA มีแนวโน้มคงอัตราดอกเบี้ยก่อนกลับมาปรับลดอีกครั้งในเดือนพ.ย.
ขณะเดียวกัน การร่วงลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มบริการเหมืองแร่ รวมถึงกลุ่มเฮลท์แคร์ ฉุดตลาดลงตามแรงขายในตลาดหุ้นนิวยอร์ก หลังจาก เจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ระบุว่า เฟดต้องสร้างสมดุลระหว่างความกังวลด้านเงินเฟ้อและตลาดแรงงานที่อ่อนแอ โดยเขาไม่ได้ส่งสัญญาณถึงการปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนต.ค.
หุ้นที่ร่วงลงอย่างหนักได้แก่ หุ้นธนาคารรายใหญ่ 4 แห่งหรือกลุ่มบิ๊กโฟร์ ซึ่งร่วงลง 0.5%-1%