ตลาดหุ้นยุโรปปิดลดลงในวันพฤหัสบดี (25 ก.ย.) เนื่องจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีทางการแพทย์ (med-tech) ถูกกดดัน หลังจากสหรัฐฯ เปิดการสอบสวนการนำเข้าเพิ่มเติม ขณะที่นักลงทุนจับตาความเห็นจากเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) และข้อมูลเศรษฐกิจเพื่อหาสัญญาณทิศทางการดำเนินนโยบายการเงินครั้งถัดไป
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 550.22 จุด ลดลง 3.66 จุด หรือ -0.66%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,795.42 จุด ลดลง 32.03 จุด หรือ -0.41%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 23,534.83 จุด ลดลง 131.98 จุด หรือ -0.56% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 9,213.98 จุด ลดลง 36.45 จุด หรือ -0.39%
ดัชนี STOXX 600 ปิดลบ หลังจากระหว่างวันแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ ขณะที่ตลาดหุ้นส่วนใหญ่ในยุโรปปิดในแดนลบ
หุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ร่วงหนักที่สุด 1.9% โดยหุ้น Siemens Healthineers ของเยอรมนีร่วง 3.4% หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ประกาศเริ่มการสอบสวนด้านความมั่นคงแห่งชาติครั้งใหม่เกี่ยวกับการนำเข้าอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล สินค้าทางการแพทย์ หุ่นยนต์ และเครื่องจักรอุตสาหกรรม ขณะที่หุ้น Coloplast ของเดนมาร์ก และหุ้น Philips ของเนเธอร์แลนด์ ร่วงลงกว่า 3% เช่นกัน
หุ้นกลุ่มก่อสร้างและวัสดุปรับตัวลง 1.5% และกลุ่มสินค้าและบริการอุตสาหกรรมลดลง 0.8%
ส่วนหุ้นที่ปรับตัวขึ้นสวนทางตลาดได้แก่ หุ้น H&M ของสวีเดนทะยานขึ้น 9.8% หลังจากรายงานกำไรไตรมาส 3 เพิ่มขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ส่วนหุ้นเหมืองยุโรปขยับขึ้น 0.6% ตามราคาทองแดงที่พุ่งขึ้น โดยราคาทองแดงเซี่ยงไฮ้แตะระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน
แม้เฟดปรับลดดอกเบี้ยลงครั้งแรกของปี แต่ธนาคารกลางยุโรปและธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ยังคงอัตราดอกเบี้ย ขณะที่ธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์แสดงความกังวลเกี่ยวกับมาตรการภาษีของสหรัฐฯ พร้อมเตือนถึงแนวโน้มเศรษฐกิจที่ซบเซาไปจนถึงปี 2569
ออสตัน กูลส์บี ประธานเฟดสาขาชิคาโกเตือนถึงการผ่อนคลายนโยบายเร็วเกินไป เนื่องจากยังมีความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ ความเห็นของเขาตอกย้ำความเปราะบางของการปรับตัวขึ้นในตลาด และการตอบสนองที่อ่อนไหวต่อสัญญาณจากธนาคารกลางและข้อมูลเศรษฐกิจ
ตลาดเริ่มลดคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับลดดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเฟดในเดือนต.ค. หลังจากจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลงต่ำกว่าคาด โดยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของรัฐลดลง 14,000 ราย สู่ระดับ 218,000 รายในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 20 ก.ย. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 235,000 ราย
บรรดานักลงทุนมุ่งความสนใจไปที่การเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ในวันศุกร์นี้ ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ และอาจมีอิทธิพลต่อการคาดการณ์แนวโน้มดอกเบี้ยในอนาคต