ดาวโจนส์ฟิวเจอร์ร่วงกว่า 100 จุด วิตกชัตดาวน์,ตลาดแรงงานซบ

ข่าวต่างประเทศ Wednesday October 1, 2025 20:12 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ร่วงลงกว่า 100 จุด ท่ามกลางความกังวลที่ว่าการปิดหน่วยงานรัฐบาล หรือชัตดาวน์ จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐ

นอกจากนี้ นักลงทุนยังมีความวิตกต่อตลาดแรงงานสหรัฐ หลังการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนที่อ่อนแอ

ณ เวลา 20.02 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ลบ 120 จุด หรือ 0.26% สู่ระดับ 46,569 จุด

ดัชนี CBOE Volatility Index (VIX) ซึ่งเป็นมาตรวัดความวิตกของนักลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐ พุ่งขึ้นกว่า 2% ในวันนี้ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะชัตดาวน์

ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐลดลง 32,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นการทรุดตัวของการจ้างงานครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 2 ปีครึ่ง หรือนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2566 และสวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าเพิ่มขึ้น 52,000 ตำแหน่ง

ทั้งนี้ ภาคการผลิตมีการจ้างงานลดลง 4,000 ตำแหน่ง ขณะที่ภาคบริการมีการจ้างงานลดลง 28,000 ตำแหน่ง

นอกจากนี้ ADP ยังได้ปรับทบทวนตัวเลขการจ้างงานในเดือนส.ค.เป็นลดลง 3,000 ตำแหน่ง จากเดิมรายงานว่าเพิ่มขึ้นถึง 54,000 ตำแหน่ง

ขณะเดียวกัน สหรัฐเข้าสู่ภาวะชัตดาวน์อย่างเป็นทางการในวันนี้ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 7 ปี และครั้งที่ 3 ภายใต้การบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ หลังจากพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับการผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวที่จะช่วยให้หน่วยงานของรัฐบาลหลีกเลี่ยงการถูกชัตดาวน์

การชัตดาวน์จะส่งผลให้กระทรวงแรงงานสหรัฐไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่ ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในวันที่ 2 ต.ค., ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันที่ 3 ต.ค. และดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในวันที่ 15 ต.ค. ซึ่งล้วนเป็นตัวเลขสำคัญต่อการตัดสินใจของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ก่อนจัดการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 28-29 ต.ค.

ขณะนี้ ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าการชัตดาวน์ในรอบนี้จะกินเวลานานเพียงใด หลังจากที่ปธน.ทรัมป์เคยสร้างสถิติชัตดาวน์นานถึง 35 วันในช่วงที่เขาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยแรก ซึ่งเป็นระยะเวลาชัตดาวน์ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐ ท่ามกลางความขัดแย้งเกี่ยวกับการสร้างกำแพงกั้นแนวชายแดนระหว่างสหรัฐและเม็กซิโก ซึ่งจบลงด้วยการที่สภาคองเกรสยอมผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราว โดยแลกกับการที่งบประมาณฉบับดังกล่าวไม่มีการตั้งวงเงินสำหรับการสร้างกำแพงตามที่ปธน.ทรัมป์เรียกร้อง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ