ดัชนีดาวโจนส์พลิกร่วงลงสู่แดนลบ หลังดีดตัวขึ้นในช่วงแรก ขณะที่นักลงทุนจับตาการปิดหน่วยงานรัฐบาล หรือชัตดาวน์ในขณะนี้
ณ เวลา 21.51 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 46,353.97 จุด ลบ 87.13 จุด หรือ 0.19%
นายสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐ กล่าวว่า การปิดหน่วยงานรัฐบาล หรือชัตดาวน์ อาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐ
"การปิดรัฐบาลและทำให้ GDP ลดลง ไม่ใช่วิธีที่ถูกต้องในการหารือกัน เราอาจเห็นผลกระทบต่อ GDP ผลกระทบต่อการเติบโต และผลกระทบต่อแรงงานชาวอเมริกัน" นายเบสเซนต์กล่าวในรายการ Squawk Box ของสำนักข่าว CNBC
ฟิทช์ เรทติ้งส์ สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับโลก ออกรายงานระบุว่า การที่สหรัฐเผชิญภาวะชัตดาวน์ในขณะนี้ จะไม่ส่งผลกระทบต่ออันดับความน่าเชื่อถือในระยะใกล้ โดยผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจจะขึ้นอยู่กับว่าภาวะชัตดาวน์จะขยายวงกว้างและยืดเยื้อนานเพียงใด
ด้านเอสแอนด์พี โกลบอล เรทติ้งส์ ระบุว่า โดยปกติแล้วภาวะชัตดาวน์มักส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในภาพรวมเพียงเล็กน้อย และไม่ถือเป็นปัจจัยที่จะนำไปสู่การปรับเปลี่ยนอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐ
วุฒิสภาสหรัฐจะพักการประชุมในวันนี้ เนื่องในวัน Yom Kippur หรือที่เรียกว่า "วันชดใช้บาป" (Day of Atonement) ซึ่งเป็นวันสำคัญที่สุดวันหนึ่งของศาสนายิว ก่อนที่จะเปิดการประชุมอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ และอาจมีการลงมติครั้งใหม่ต่อร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราว ทำให้สหรัฐจะอยู่ในภาวะชัตดาวน์ หรือการปิดหน่วยงานรัฐบาล ติดต่อกันอย่างน้อย 3 วัน
ในการประชุมวานนี้ วุฒิสภาสหรัฐได้ทำการลงมติเป็นครั้งที่ 2 ต่อร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราว หลังจากที่ไม่สามารถผ่านร่างกฎหมายดังกล่าวในวันอังคาร
อย่างไรก็ดี ผลการลงมติวานนี้ ปรากฎว่าวุฒิสภาอนุมัติร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวด้วยคะแนนเสียงเพียง 55 เสียง ขณะที่คัดค้าน 45 เสียง ซึ่งคะแนนเสียงดังกล่าวไม่เปลี่ยนแปลงจากการลงมติเมื่อวันอังคาร โดยพรรครีพับลิกันยังคงไม่สามารถรวบรวมเสียงสนับสนุนมากถึง 60 เสียงตามที่กฎหมายกำหนด ส่งผลให้ร่างงบประมาณดังกล่าวตกไป และทำให้สหรัฐยังคงอยู่ในภาวะชัตดาวน์
การชัตดาวน์จะส่งผลให้กระทรวงแรงงานสหรัฐไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่ ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในวันที่ 2 ต.ค., ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันที่ 3 ต.ค. และดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในวันที่ 15 ต.ค. ซึ่งล้วนเป็นตัวเลขสำคัญต่อการตัดสินใจของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ก่อนจัดการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 28-29 ต.ค.
ขณะนี้ ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าการชัตดาวน์ในรอบนี้จะกินเวลานานเพียงใด หลังจากที่ปธน.ทรัมป์เคยสร้างสถิติชัตดาวน์นานถึง 35 วันในช่วงที่เขาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยแรก ซึ่งเป็นระยะเวลาชัตดาวน์ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐ ท่ามกลางความขัดแย้งเกี่ยวกับการสร้างกำแพงกั้นแนวชายแดนระหว่างสหรัฐและเม็กซิโก ซึ่งจบลงด้วยการที่สภาคองเกรสยอมผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราว โดยแลกกับการที่งบประมาณฉบับดังกล่าวไม่มีการตั้งวงเงินสำหรับการสร้างกำแพงตามที่ปธน.ทรัมป์เรียกร้อง