ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันศุกร์ (3 ต.ค.) และปรับตัวขึ้นในรอบสัปดาห์นี้มากที่สุดในรอบ 5 เดือน โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์และกลุ่มเหมืองแร่ หลังจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้ช่วยหนุนความเชื่อมั่นในตลาดด้วย
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 570.45 จุด เพิ่มขึ้น 2.85 จุด หรือ +0.50%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 8,081.54 จุด เพิ่มขึ้น 24.91 จุด หรือ +0.31%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 24,378.80 จุด ลดลง 43.76 จุด หรือ -0.18% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 9,491.25 จุด เพิ่มขึ้น 63.52 จุด หรือ +0.67%
ดัชนี STOXX 600 ทำนิวไฮติดต่อกันเป็นวันที่ 3 ส่งผลให้ตลอดทั้งสัปดาห์บวก 2.8% และทำสถิติสูงสุดระหว่างวันหลายครั้ง
หุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์พุ่งขึ้น 1.3% นำโดยหุ้น AstraZeneca เพิ่มขึ้น 1.6% และหุ้น Novo Nordisk พุ่งขึ้น 2.1% โดยหุ้นกลุ่มนี้โดดเด่นกว่ากลุ่มอื่น ๆ หลังจาก Pfizer บรรลุข้อตกลงด้านราคายาในสหรัฐฯ ซึ่งช่วยคลายความไม่แน่นอน
นักวิเคราะห์จาก UBS Global Wealth Management ระบุว่า แม้ข้อตกลงของ Pfizer จะไม่ใช่สัญญาณที่ชี้ชัดว่าความเสี่ยงสิ้นสุดลง เนื่องจากยังขาดรายละเอียดสำคัญเรื่องภาษี แต่ช่วยหนุนความเชื่อมั่นในระยะสั้นและปัจจัยขับเคลื่อนที่แข็งแกร่งในระยะยาวยังช่วยสนับสนุนแนวโน้มเชิงบวกของหุ้นกลุ่มนี้
หุ้นกลุ่มธนาคารเพิ่มขึ้น 1% โดยหุ้น Raiffeisen พุ่งขึ้นถึง 7.4% มากที่สุดในดัชนี STOXX 600 หลัง Financial Times รายงานว่า สหภาพยุโรปกำลังพิจารณายกเลิกการคว่ำบาตรทรัพย์สินที่เชื่อมโยงกับ Oleg Deripaska มหาเศรษฐีชาวรัสเซียเพื่อชดเชยให้กับธนาคารออสเตรียแห่งนี้ ส่วนหุ้น ABN Amro พุ่ง 2.7% หลัง Goldman Sachs ปรับคำแนะนำลงทุนจากขายเป็นซื้อ
กลุ่มทรัพยากรพื้นฐาน ซึ่งรวมบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเหมืองแร่ของยุโรปปรับขึ้น 1.7% ตามราคาสินค้าโภคภัณฑ์โลหะพื้นฐานที่สูงขึ้น
ขณะที่รัฐบาลสหรัฐฯ ยังเผชิญกับภาวะชัตดาวน์ รายงานตัวเลขการจ้างงานสำคัญของสหรัฐฯ ที่เดิมมีกำหนดเผยแพร่ในวันศุกร์จึงถูกเลื่อนออกไป โดยเป็นช่วงเวลาที่ตลาดและเฟดให้ความสำคัญกับข้อมูลแรงงานเพื่อประเมินแนวโน้มการผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติม
ความหวังต่อท่าทีทางการเงินที่ผ่อนคลายของเฟด รวมกับแรงซื้อหุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ช่วยผลักดันให้ดัชนี STOXX 600 ทำนิวไฮ และลดช่องว่างกับตลาดวอลล์สตรีท โดยดัชนี STOXX 600 ปรับตัวขึ้น 12.4% นับตั้งแต่ต้นปี เทียบกับ S&P500 ของสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้น 14.7%
นักวิเคราะห์จาก City Index กล่าวว่า ตลาดดูเหมือนจะมองข้ามเรื่องการชัตดาวน์ของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ยังดำเนินอยู่ และให้ความสำคัญมากกว่ากับความคาดหวังที่ว่า เฟดจะลดอัตราดอกเบี้ย ทั้งนี้ เครื่องมือ CME FedWatch ชี้ว่ามีความเป็นไปได้เกือบแน่นอนที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้ หลังการรายงานตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนที่อ่อนแอในต้นสัปดาห์นี้
เศรษฐกิจภาคบริการของยูโรโซนในเดือนก.ย. ขยายตัวขึ้นเล็กน้อยแตะระดับสูงสุดในรอบ 8 เดือน โดยเยอรมนีก็มีการเติบโตเร็วที่สุดในรอบ 8 เดือนเช่นกัน ขณะที่ภาคบริการหลักของฝรั่งเศสหดตัวมากกว่าที่ประเมินไว้ ส่วนกิจกรรมทางธุรกิจของอังกฤษเติบโตช้าที่สุดในรอบ 5 เดือน