ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกทำสถิติสูงสุดในวันศุกร์ (3 ต.ค.) โดยปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. นำโดยหุ้นกลุ่มการเงินที่พุ่งขึ้นจากความคาดหวังมากขึ้นว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดตลาดที่ระดับ 9,491.25 จุด เพิ่มขึ้น 63.52 จุด หรือ +0.67% และปรับตัวขึ้น 2.2% ในรอบสัปดาห์นี้
หุ้นการเงินโดดเด่นที่สุด โดยกลุ่มธนาคารบวก 1.8% และกลุ่มวาณิชธนกิจพุ่งขึ้น 2%
นอกจากนี้ หุ้นผู้ผลิตโลหะมีค่าทั้ง Fresnillo และ Endeavour Mining ช่วยหนุนตลาดด้วย โดยบวกขึ้น 1% และ 2% ตามลำดับ หลังจากราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น
ตลอดทั้งสัปดาห์นี้ ดัชนี FTSE 100 ทำสถิติสูงสุดหลายครั้ง โดยหุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ซึ่งบวกขึ้นถึง 12% ในรอบสัปดาห์นี้มีบทบาทสำคัญที่สุดในการหนุนดัชนี โดยได้รับแรงหนุนจากความเชื่อมั่นหลังข้อตกลงของ Pfizer กับรัฐบาลสหรัฐฯ ที่นักวิเคราะห์มองว่าช่วยลดความไม่แน่นอนในอุตสาหกรรมยา
อย่างไรก็ดี การชัตดาวน์ของรัฐบาลสหรัฐฯ ทำให้รายงานการจ้างงานที่เดิมมีกำหนดเปิดเผยในวันศุกร์ถูกเลื่อนออกไป ถึงกระนั้นนักลงทุนยังคงมีมุมมองเชิงบวก โดยเทรดเดอร์คาดการณ์เกือบแน่นอนว่า เฟดจะปรับลดดอกเบี้ยภายในเดือนต.ค.นี้ หลังข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชนออกมาอ่อนแอเมื่อต้นสัปดาห์
ในอังกฤษนั้น ผลสำรวจพบว่ากิจกรรมทางธุรกิจในเดือนก.ย. ขยายตัวช้าที่สุดในรอบ 5 เดือน เนื่องจากทั้งภาคธุรกิจและผู้บริโภคชะลอการใช้จ่ายก้อนใหญ่ เพื่อรอดูว่าพวกเขาจะได้รับผลกระทบจากการขึ้นภาษีในงบประมาณเดือนพ.ย. หรือไม่ โดยนักเศรษฐศาสตร์จำนวนมากเชื่อว่า ราเชล รีฟส์ รัฐมนตรีคลัง จะต้องปรับขึ้นภาษีหรือปรับลดการใช้จ่าย
สำหรับหุ้นรายตัวนั้น หุ้น J D Wetherspoon ร่วงลง 5.6% หลังบริษัทเตือนว่า ต้นทุนมีแนวโน้มสูงขึ้นจากความเป็นไปได้ในการขึ้นภาษีและเงินสมทบประกันสังคม ขณะที่หุ้น Diploma ผู้จัดจำหน่ายสินค้าและบริการด้านเทคนิค พุ่ง 2.3% หลังโบรกเกอร์ RBC ปรับคำแนะนำลงทุนจาก underperform เป็น outperform