ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลงจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันพฤหัสบดี (9 ต.ค.) เนื่องจากการร่วงลงของหุ้น HSBC กดดันหุ้นกลุ่มธนาคาร
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดตลาดที่ระดับ 9,509.40 จุด ลดลง 39.47 จุด หรือ -0.41%
หุ้น HSBC ร่วงลง 5.4% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดในวันเดียวในรอบกว่า 6 เดือน หลังธนาคารระบุว่ามีแผนจะเข้าซื้อหุ้นส่วนน้อยใน Hang Seng Bank ของฮ่องกงซึ่ง HSBC ถือหุ้นใหญ่ โดยมีมูลค่าข้อตกลงประมาณ 1.061 แสนล้านดอลลาร์ฮ่องกง หรือ 1.363 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
ดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารโดยรวมร่วงลง 3.7% ส่งผลกดดันต่อตลาดอย่างมีนัยสำคัญ
หุ้น Lloyds Banking Group และธนาคารเพื่อการพาณิชย์ Close Brothers ร่วงลง 3.3% และ 12.8% ตามลำดับ หลังทั้งสองธนาคารเตือนว่าอาจต้องกันเงินสำรองเพิ่มเติมเพื่อรองรับค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับกรณีอื้อฉาวด้านสินเชื่อรถยนต์
ธนาคาร Lloyds ยังประกาศแผนเข้าซื้อหุ้น 49.9% ของ Schroders ในบริษัทร่วมทุนด้านการบริหารความมั่งคั่งในสหราชอาณาจักร
หุ้น Secure Trust Bank ร่วงลง 20.2% หลังธนาคารเปิดเผยว่ากำไรพื้นฐานก่อนหักภาษีประจำปีอาจต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้
หุ้น Aston Martin ร่วงลง 12.6% หลังจากหุ้น Ferrari ในยุโรปดิ่งลง 15.4% เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังต่อเป้าหมายทางการเงินระยะยาวของผู้ผลิตรถหรูรายดังกล่าว
หุ้นกลุ่มยานยนต์ยุโรปโดยรวมปรับตัวลง 4.4% ซึ่งเป็นการร่วงลงรายวันที่มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.
ดัชนีหุ้นกลุ่มผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ลดลง 1.9% โดยหุ้น Taylor Wimpey และ Barratt Redrow ร่วงลง 4.6% และ 3.6% ตามลำดับ
ผลสำรวจจากสถาบันประเมินราคาทรัพย์สินแห่งสหราชอาณาจักร (Royal Institution of Chartered Surveyors) ระบุว่า ตลาดที่อยู่อาศัยของอังกฤษชะลอตัวเป็นเดือนที่สามติดต่อกัน โดยดัชนีชี้วัดความต้องการซื้อและยอดขายที่ตกลงกันแล้วนั้นอยู่ในแดนลบในเดือนก.ย.