ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวขึ้นในวันจันทร์ (20 ต.ค.) นำโดยแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มป้องกันประเทศและเหมืองแร่ หลังความตึงเครียดทางการค้าคลี่คลาย ส่งผลให้นักลงทุนกล้าเสี่ยงมากขึ้น ขณะที่หุ้นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ร่วงลงหลังผลสำรวจชี้ว่าราคาบ้านทรงตัว
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดตลาดที่ระดับ 9,403.57 จุด เพิ่มขึ้น 49.00 จุด หรือ +0.52%
บรรยากาศการลงทุนทั่วโลกได้รับแรงหนุนจากการคลี่คลายความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับเสถียรภาพของธนาคารระดับภูมิภาคในสหรัฐฯ ทำให้ความสนใจหันไปที่ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนและรายงานเงินเฟ้อที่กำลังจะเผยแพร่ในสัปดาห์นี้
ดัชนีหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมการบินและป้องกันประเทศปรับขึ้น 2% ตามทิศทางของตลาดยุโรป โดยหุ้น Babcock และ Rolls-Royce เพิ่มขึ้น 2.3% และ 2.6% ตามลำดับ และอยู่ในกลุ่มที่ทำผลงานดีที่สุดใน FTSE 100
ดัชนีหุ้นกลุ่มเหมืองแร่โลหะมีค่าเพิ่มขึ้น 1.5% สอดคล้องกับราคาทองคำที่ขยับสูงขึ้น ขณะที่ดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารปรับขึ้น 0.7% โดยฟื้นตัวหลังจากเผชิญแรงขายทั่วโลกในภาคการเงินที่เกิดจากความกังวลเรื่องคุณภาพสินเชื่อของธนาคารภูมิภาคในสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม ดัชนีหุ้นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ลดลง 1.2% โดยหุ้น Persimmon ร่วง 1.5% หลังจากผลสำรวจของเว็บไซต์อสังหาริมทรัพย์ Rightmove ระบุว่า ราคาบ้านที่ประกาศขายในสหราชอาณาจักรเพิ่มขึ้นเพียง 0.3% ในช่วง 4 สัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 11 ต.ค. ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยตามฤดูกาล โดยปกติราคาบ้านในอังกฤษมักจะปรับตัวขึ้นในช่วงฤดูใบไม้ร่วงก่อนชะลอตัวลงในช่วงคริสต์มาส
ดัชนีหุ้นค้าปลีกปิดลดลงเกือบ 1.5% หลังจาก B&M ร่วงเกือบ 22% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงรายวันที่มากที่สุดเป็นประวัติการณ์ ภายหลังบริษัทประกาศปรับลดคาดการณ์กำไรทั้งปี เนื่องจากข้อผิดพลาดทางบัญชี และการลาออกของไมค์ ชมิดท์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน
สำหรับหุ้นรายตัวนั้น Secure Trust Bank ร่วงลง 2.3% หลังจากบริษัทเปิดเผยว่าจะต้องเพิ่มเงินสำรองประมาณ 16 ล้านปอนด์ (21.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) รวมเป็น 21 ล้านปอนด์ เพื่อชดเชยให้ลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากกรณีการขายสินเชื่อรถยนต์ที่ไม่เป็นธรรม