ตลาดหุ้นลอนดอนปิดทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันพฤหัสบดี (23 ต.ค.) โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มน้ำมันและผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทขนาดใหญ่ เช่น London Stock Exchange Group และ Rentokil
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดตลาดที่ระดับ 9,578.57 จุด เพิ่มขึ้น 63.57 จุด หรือ +0.67%
ดัชนี FTSE 100 ปิดบวกหลังปรับตัวขึ้นสูงสุดระหว่างวันถึง 0.8% แตะระดับสูงสุดใหม่ที่ 9,594.82 จุด
หุ้นน้ำมันรายใหญ่อย่าง Shell และ BP พุ่งขึ้น 3.2% และ 3.8% ตามลำดับ หลังราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นเกือบ 5% เนื่องจากสหรัฐฯ ประกาศคว่ำบาตรบริษัทผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ของรัสเซียอย่าง Rosneft และ Lukoil จากกรณีการทำสงครามกับยูเครน
ในด้านผลประกอบการนั้น หุ้น London Stock Exchange Group พุ่งขึ้น 6.7% หลังบริษัทผู้ดำเนินการตลาดหลักทรัพย์ประกาศขายธุรกิจบริการหลังการซื้อขาย 20% พร้อมเปิดเผยแผนซื้อหุ้นคืนมูลค่า 1,000 ล้านปอนด์ (1.34 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) และรายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ดีกว่าที่ตลาดคาดไว้
หุ้น Rentokil พุ่งขึ้น 9.8% หลังบริษัทควบคุมศัตรูพืชรายนี้รายงานรายได้ประจำไตรมาสเพิ่มขึ้นเกินคาด
โดยรวมแล้ว ฤดูกาลรายงานผลประกอบการที่สดใส การพุ่งขึ้นของหุ้นสินค้าโภคภัณฑ์ และสัญญาณเงินเฟ้อชะลอตัวซึ่งหนุนการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางอังกฤษอาจลดอัตราดอกเบี้ย ได้ช่วยหนุนตลาดหุ้นอังกฤษในสัปดาห์นี้ โดยดัชนี FTSE 100 มีแนวโน้มปรับตัวดีที่สุดในรอบสัปดาห์นี้นับตั้งแต่กลางเดือนเม.ย.
ดัชนีหุ้นเหมืองแร่โลหะมีค่าพุ่งขึ้น 3.7% ตามราคาทองคำที่ปรับตัวขึ้น หลังมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียของสหรัฐฯ และความเป็นไปได้ในการออกข้อจำกัดการส่งออกใหม่ของจีน เพิ่มความกังวลทางภูมิรัฐศาสตร์และกระตุ้นความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย
ในทางกลับกัน หุ้น InterContinental Hotels เจ้าของโรงแรม Holiday Inn ลดลง 1.5% หลังการเติบโตในตลาดสหรัฐฯ ชะลอตัว แม้ว่ารายได้หลักจะเพิ่มขึ้นก็ตาม