ดัชนีดาวโจนส์, ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ต่างดีดตัวขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขานรับการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน
ณ เวลา 20.39 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์บวก 238.86 จุด หรือ 0.50% สู่ระดับ 47,783.45 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ดีดตัวขึ้น 0.13% และ 0.51% ตามลำดับ
ทั้งนี้ บริษัทราว 1 ใน 3 ของดัชนี S&P 500 ได้เปิดเผยผลประกอบการประจำไตรมาส 3/2568 แล้ว โดยบริษัท 83% จากจำนวนดังกล่าวมีตัวเลขกำไรสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
นักลงทุนจับตาผลประกอบการของกลุ่ม Magnificent 7 โดยบริษัท Alphabet, Amazon, Apple, Meta Platforms และ Microsoft จะเปิดเผยตัวเลขกำไร,รายได้ประจำไตรมาส 3 ในสัปดาห์นี้
นอกจากนี้ ตลาดขานรับคาดการณ์การบรรลุข้อตกลงทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนในสัปดาห์นี้ รวมทั้งการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่ต่ำกว่าคาด ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในการประชุมนโยบายการเงินวันที่ 28-29 ต.ค.
นายสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐ กล่าวในรายการ Meet The Press ของสำนักข่าว NBC News ว่า สหรัฐมีแนวโน้มบรรลุข้อตกลงทางการค้ากับจีน ซึ่งจะทำให้สหรัฐหลีกเลี่ยงการเรียกเก็บภาษีศุลกากรต่อสินค้านำเข้าจากจีนในอัตรา 100% ขณะที่จีนจะยอมเลื่อนการควบคุมการส่งออกแร่หายาก
นายเบสเซนต์กล่าวถ้อยแถลงดังกล่าว ก่อนที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ มีกำหนดพบกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ในวันพฤหัสบดีนี้ นอกรอบการประชุมสุดยอดกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก หรือเอเปก (APEC) ที่เมืองคยองจู ประเทศเกาหลีใต้
ด้านปธน.ทรัมป์กล่าวว่า สหรัฐและจีนกำลังจะได้ข้อสรุปเกี่ยวกับการทำข้อตกลงทางการค้า หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ปธน.ทรัมป์ขู่จะเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากจีนเพิ่มอีก 100% เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน พร้อมทั้งระบุว่า ทำเนียบขาวจะออกมาตรการควบคุมการส่งออกซอฟต์แวร์ที่มีความสำคัญทั้งหมด เพื่อตอบโต้ต่อการที่จีนประกาศจำกัดการส่งออกแร่หายาก
นอกจากนี้ ยังมีการคาดการณ์ว่า การประชุมสุดยอดระหว่างปธน.ทรัมป์และปธน.สี จะช่วยแก้ไขความขัดแย้งเกี่ยวกับบริษัทติ๊กต๊อก (TikTok) รวมทั้งจะทำให้จีนกลับมาซื้อถั่วเหลืองจากสหรัฐ