ดัชนีดาวโจนส์, ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ต่างดีดตัวขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขานรับคาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้
นอกจากนี้ นักลงทุนคาดการณ์ว่า สหรัฐและจีนจะสามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้าในการประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ในวันพรุ่งนี้
ณ เวลา 20.55 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์บวก 327.24 จุด หรือ 0.69% สู่ระดับ 48,033.61 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ดีดตัวขึ้น 0.38% และ 0.70% ตามลำดับ
ราคาหุ้น Nvidia พุ่งขึ้นมากกว่า 4% ในการซื้อขายวันนี้ ส่งผลให้มูลค่าตลาดของบริษัททะลุระดับ 5 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่บริษัทสหรัฐมีมูลค่าตลาดแตะระดับดังกล่าว และทำให้ Nvidia ยังคงครองตำแหน่งบริษัทที่มีมูลค่าตลาดสูงที่สุดในโลก
FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 97.8% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 3.75-4.00% ในการประชุมวันนี้ และให้น้ำหนัก 85.2% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 3.50-3.75% ในการประชุมวันที่ 10 ธ.ค.
ขณะเดียวกัน นักลงทุนคาดว่าเฟดจะประกาศยุติการใช้นโยบาย "คุมเข้มเชิงปริมาณ" (Quantitative Tightening) หรือ QT ในเดือนนี้ หลังนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ส่งสัญญาณก่อนหน้านี้ว่า เฟดอาจใกล้ถึงจุดที่จะยุติการลดขนาดการถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ
ทั้งนี้ การยุตินโยบาย QT จะถือเป็นการผ่อนคลายนโยบายการเงินของเฟด
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ โพสต์ข้อความบน Truth Social ในวันนี้ ระบุว่า เขาเตรียมพบกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ในวันพรุ่งนี้ โดยคาดว่าการเจรจาจะเป็นไปอย่างราบรื่น
'ผมสามารถนำเงินนับล้านล้านดอลลาร์กลับสู่สหรัฐ! นี่เป็นการเดินทางที่ยอดเยี่ยม ผมได้พบกับผู้นำหลายคนที่ฉลาด มีปัญญา และมีความสามารถ วันพรุ่งนี้ผมจะได้พบกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน ซึ่งจะเป็นการประชุมที่ยอดเยี่ยมสำหรับทั้งสองฝ่าย!!!' ปธน.ทรัมป์ระบุ
นักลงทุนจับตาผลประกอบการของกลุ่ม Magnificent 7 โดยบริษัท Alphabet, Meta Platforms และ Microsoft จะเปิดเผยตัวเลขกำไร,รายได้ประจำไตรมาส 3 หลังจากปิดตลาดวันนี้ ขณะที่ Amazon และ Apple จะเปิดเผยผลประกอบการในวันพรุ่งนี้
นอกจากนี้ ตลาดจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ในวันศุกร์ โดยดัชนี PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ เนื่องจากสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)