ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเล็กน้อยในวันพฤหัสบดี (30 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายหลังจากตลาดปรับขึ้นต่อเนื่องหลายวัน และจับตาผลประกอบการของบริษัทใหญ่ เช่น กลุ่มโฆษณา WPP กลุ่มธนาคาร Standard Chartered และบริษัทพลังงาน Shell
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดตลาดที่ระดับ 9,760.06 จุด เพิ่มขึ้น 3.92 จุด หรือ +0.04%
ดัชนี FTSE 100 ทรงตัว หลังจากปรับตัวขึ้นต่อเนื่องมาแปดวันแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในต้นสัปดาห์ โดยได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของ HSBC และ GSK ขณะที่หุ้นขนาดกลางแตะระดับสูงสุดในรอบสี่เดือน จากกระแสคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดดอกเบี้ยในเร็ว ๆ นี้ก็เป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนตลาด
เฟดประกาศลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ตามที่ตลาดคาดไว้เมื่อวันพุธ แต่ส่งสัญญาณว่าการปรับลดดังกล่าวอาจเป็นครั้งสุดท้ายของปีนี้
นักวิเคราะห์กล่าวว่า การปรับฐานของตลาดหลังแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เกิดจากความผิดหวังที่เฟดอาจไม่ลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า
หุ้น WPP ร่วงลง 16% แตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 20 ปี หลังซีอีโอคนใหม่ ซินดี โรส ออกคำเตือนเกี่ยวกับผลกำไร เนื่องจากหน่วยธุรกิจซื้อสื่อหลักของบริษัทชะลอตัว ส่งผลให้รายได้สุทธิไตรมาสสามลดลงมากกว่าที่คาด หุ้น WPP จึงเป็นตัวถ่วงตลาดมากที่สุดในดัชนี FTSE 100
หุ้นกลุ่มยานยนต์ร่วง 2% หลังจาก Volkswagen ของเยอรมนีต้องบันทึกค่าใช้จ่าย 4.7 พันล้านยูโรจากการเปลี่ยนกลยุทธ์ของ Porsche เกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้า
หุ้น Standard Chartered พุ่งขึ้น 3.6% หลังประกาศว่าจะบรรลุเป้าหมายกำไรหลักได้เร็วขึ้นหนึ่งปี พร้อมรายงานผลประกอบการไตรมาสสามที่ดีกว่าคาด ขณะที่หุ้น Shell ขยับขึ้น 0.3% หลังรายงานผลประกอบการไตรมาสสามเกินความคาดหมายของตลาด
หุ้นธนาคาร Shawbrook พุ่งขึ้น 6.7% หลังจากการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน ซึ่งถือเป็นการเสนอขายหุ้นครั้งแรก (IPO) ที่ใหญ่ที่สุดในรอบสองปีของตลาดลอนดอน
ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ เปิดเผยว่าได้บรรลุข้อตกลงกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน เพื่อปรับลดภาษีนำเข้า แลกกับการที่จีนจะเข้มงวดมากขึ้นในการปราบปรามการค้าผิดกฎหมายของยาเฟนทานิล