ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ปรับตัวขึ้นในวันนี้ ซึ่งเป็นการซื้อขายวันสุดท้ายของเดือนต.ค. ขานรับการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน
นอกจากนี้ ตลาดขานรับการเจรจาระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ซึ่งเป็นไปอย่างราบรื่น ส่งผลให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
ณ เวลา 19.03 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์บวก 76 จุด หรือ 0.16% สู่ระดับ 47,753 จุด
ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทปรับตัวอย่างสดใสในเดือนต.ค. โดยดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้น 2.4% นับตั้งแต่ต้นเดือน ขณะที่ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ดีดตัวขึ้น 2% และ 4.1% ตามลำดับ
นอกจากนี้ ดัชนีดาวโจนส์มีแนวโน้มทำสถิติปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 6 ซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2561
การพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นวอลล์สตรีทในเดือนต.ค.ได้รับแรงหนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน โดยเฉพาะบริษัทในกลุ่มเทคโนโลยี ซึ่งทำให้มูลค่าตลาดของบริษัท Nvidia ทะลุระดับ 5 ล้านล้านดอลลาร์ ครองตำแหน่งบริษัทที่มีมูลค่าตลาดสูงที่สุดในโลก ขณะที่มูลค่าตลาดของบริษัท แอปเปิ้ล อิงค์ พุ่งทะลุระดับ 4 ล้านล้านดอลลาร์เป็นครั้งแรก
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค และเศรษฐกิจสหรัฐที่ยืดหยุ่น โดยไม่ได้รับผลกระทบจากการปิดหน่วยงานรัฐบาล หรือชัตดาวน์ ซึ่งย่างเข้าสู่วันที่ 31 ในวันนี้
สำนักงานวิเคราะห์เศรษฐกิจ (Bureau of Economic Analysis) หรือ BEA ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐบาลกลางสหรัฐภายใต้กระทรวงพาณิชย์ โดยมีหน้าที่จัดทำตัวเลขสถิติทางเศรษฐกิจอย่างเป็นทางการ ออกแถลงการณ์ระบุว่า:-
'BEA จำเป็นต้องระงับการดำเนินงาน จนกว่าสภาคองเกรสจะอนุมัติงบประมาณสำหรับปีงบประมาณนี้ ซึ่งการระงับการดำเนินงานดังกล่าวจะรวมถึงการเลื่อนหรือยุติการเผยแพร่ข้อมูลทางเศรษฐกิจทั้งหมดที่มีกำหนดเผยแพร่ในช่วงเวลาที่รัฐบาลกลางปิดทำการ'
'BEA จะกลับมาดำเนินงานอีกครั้งเมื่อหน่วยงานได้รับงบประมาณ ซึ่งหากการปิดหน่วยงานของรัฐบาลส่งผลให้ต้องเลื่อนการเผยแพร่ข้อมูลทางเศรษฐกิจออกไป BEA จะออกตารางการเผยแพร่ใหม่โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้'
ทั้งนี้ BEA เป็นหน่วยงานจัดทำตัวเลขประมาณการผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐ รวมทั้งข้อมูลสถิติเกี่ยวกับรายได้และการใช้จ่ายของประชาชนในสหรัฐ ภาคอุตสาหกรรม เศรษฐกิจระดับรัฐและท้องถิ่น ตลอดจนการค้าระหว่างประเทศและการลงทุนของสหรัฐ
ก่อนหน้านี้ BEA มีกำหนดเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ในวันนี้ เวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย
ดัชนี PCE ถือเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ โดยสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)